เชื่อว่าหลายคน ๆ คงเคยมีความรู้สึกที่ว่าอยากเสพสื่อหรือดูอะไรที่มันเรียล ๆ ดิบ ๆ พล็อตหนัก ๆ ชิงไหวชิงพริบกันอยู่บ้าง ในวันนี้เราจึงมาแนะนำซีรีส์สายดาร์ก 4 เรื่องที่ดาร์กในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทั้งโรแมนติก อาชญากรรมหรือแม้กระทั่งดราม่า มีเรื่องอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ!

แนะนำซีรีส์สายดาร์ก

เรื่องที่ 1 OUTLANDER

ประเภท : ดาร์กโรแมนติก, อิงประวัติศาสตร์, ย้อนยุค

ระดับความดาร์ก : ระดับกลาง

ซีซัน : 5 ซีซัน

เรื่องย่อ : หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด แคลร์พยาบาลสาวที่เดินทางมาฮันนีมูนที่สกอตแลนด์กับแฟรงก์สามีของเธอซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ด้วยเหตุบังเอิญเธอได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยศตวรรษที่ 18 ในขณะที่เธอกำลังเดินเล่นผ่านเสาหินลึกลับที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โดยเธอย้อนไปในสมัยที่มีการต่อสู้ระหว่างอังกฤษกับ​สกอตแลนด์ โดยมีกลุ่มจาโคไบต์ที่ต้องการฟื้นฟูราชวงศ์สจ๊วตให้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ การอยู่ในสมัยศตวรรษที่ 18 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเธอที่ย้อนเวลามาแล้ว หากบอกไปตามตรงก็คงจะฆ่าเพราะข้อกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ต่อมาทางการของอังกฤษออกหมายจับเธอ และวิธีการแก้ปัญหาทางเดียวที่สามารถทำให้เธออยู่รอดได้คือการเปลี่ยนจากหญิงชาวอังกฤษเป็นชาวสกอตโดยการแต่งงาน โดยคนที่เธอแต่งงานด้วยก็คือเจมี่ เฟรเซอร์ จากที่แต่งงานด้วยความไม่เต็มใจ แต่เมื่อเธอเห็นว่าเจมีเป็นคนดีและดูแลเธอตลอดก็ทำให้เธอเริ่มรักและผูกพันกับเจมี่

ภาพรวม (ซีซัน 1-2) : หากแปลเป็นไทย OUTLANDER จะหมายถึง “คนนอก” ซึ่งอาจตีความได้ว่าคนนอกก็คือแคลร์นั่นเองที่มาอยู่ผิดที่ ผิดเวลา แถมถ้าพูดอะไรผิดไปก็เสี่ยงตายอีก ยังดีที่แคลร์เป็นคนฉลาด มีไหวพริบและสกิลเอาตัวรอดที่สูงมาก (นึกภาพถ้าตัวเองหลุดไปอยู่เหมือนแคลร์น่าจะตายตั้งแต่อีพีแรก) แต่ถึงแม้ว่าแคลร์จะเอาตัวรอดเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังมีสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อยู่ดี เช่น การเสี่ยงต่อการโดนข่มขืน สภาพการดำรงชีวิตที่แตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ทั้งเรื่องความไม่เท่าเทียม วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ รวมถึงความเชื่อในเรื่องของสิ่งลี้ลับแม่มด รวมถึงคนในยุคนั้นยังไม่มีความรู้ในเรื่องของการแพทย์และวิทยาศาสตร์มากนัก แต่ไม่รู้ด้วยแต้มบุญหรือสกิลตัวเอก แคลร์จึงสามารถรอดแบบหวุดหวิดทุกครั้ง ในอีพีแรก ๆ หลาย ๆ คนอาจโดนความหล่อและมีเสน่ห์ของพระเอกตกเข้าให้ เพราะเมื่อเขาได้ใส่คิลท์ (ในสกอตแลนด์ผู้ชายจะใส่กระโปรงที่ชื่อว่าคิลท์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมด้านการแต่งตัว) แต่หลัง ๆ พอเนื้อเรื่องเริ่มเข้าสู่โหมดดาร์ก มันก็ดาร์กแบบเอาช้างมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่ จนบางครั้งก็คิดว่านี่ซีรีส์รักโรแมนติกจริงเหรอ (เพราะเริ่มแรกที่ตัดสินใจดูเพราะซีรีส์อยู่ในหมวดโรแมนติก) ส่วนใครที่ชอบดูซีรีส์ภาพสวยแนวเรียล ๆ ไม่โลกสวย (ถึงแม้แคลร์จะโลกสวยเป็นบางครั้ง) และกลิ่นอายของความดิบเถื่อน รวมถึงการดำเนินเรื่องที่ช้าและเน้นรายละเอียด ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์สุด ๆ โดยสามารถดูทุกซีซันได้ที่ Netflix

เรื่องที่ 2 : KINGDOM

ประเภท : ดาร์กซอมบี้, เอาตัวรอด, ไหวพริบ

ระดับความดาร์ก : ระดับค่อนข้างสูง

ซีซัน : 2 ซีซัน

เรื่องย่อ : เมื่อโรคระบาดประหลาดแพร่กระจายไปทั่วโซซอน พระราชาที่กำลังป่วยและไม่มีทีท่าว่าจะหาย ประชาชนทุกหย่อมหญ้าขาดแคลนอาหารและยาทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ฉากหน้าคือโรคร้ายแต่ฉากหลังคือการก่อกบฏและการใส่ร้ายองค์รัชทายาทอีชางรวมถึงการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับพระราชา เขาจึงออกจากพระราชวังเพื่อตามหาต้นตอของโรคประหลาดดังกล่าว โดยได้พบกับซอบี พยาบาลสาวผู้เป็นลูกศิษย์ของหมอที่รักษาพระราชาและได้ลงเรือลำเดียวกันตั้งแต่นั้น ในขณะที่ตามหาเบาะแสของโรคร้ายเขาก็ต้องต่อสู้กับการแย่งชิงอำนาจของขุนนางในราชสำนักและความโลภมากของโจฮักจู ขุนนางผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการอันเลวร้ายทั้งหมดและพระมเหสีโจที่สนใจเพียงอำนาจเท่านั้น

รีวิว : หากพูดถึงซีรีส์ดาร์ก ๆ ชิงไหวพริบก็คงจะไม่พูดถึงเรื่อง KINGDOM ไม่ได้ เนื่องจากเป็นซีรีส์ที่นอกจากจะพล็อตแน่น การวางปม การดำเนินเรื่องดีแล้ว ยังมีความตื่นเต้นในการแก้ปัญหา เอาตัวรอด อีกทั้งยังมีฉากฆ่าซอมบี้ที่ถึงพริกถึงขิง บอกได้เลยว่าสายเลือดสาดอาจถูกใจเรื่องนี้ นอกจากนี้ KINGDOM ยังมีการเสียดสีการปกครองของผู้นำได้อย่างเจ็บแสบ อีกทั้งยังเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันได้อย่างพอดิบพอดี ในส่วนของเลิฟไลน์นั้นจะบอกว่า “ไม่มี” ไม่มีแบบไม่มีมาให้เห็นเลย จนถึงซีซันสองเราก็ยังไม่รู้เลยว่าตกลงคู่พระนางมันมีมั้ยเรื่องนี้ หรือถึงมีเค้าอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่รึเปล่า คำถามนี้ยังคงค้างคาใจ แต่เชื่อว่าในซีซัน 3 อะไร ๆ คงชัดเจนขึ้น ทั้งด้านของที่มาของซอมบี้และเลิฟไลน์ (จะได้การรันตีซักทีว่าเค้ารักกันมั้ย!) ในส่วนของซีซัน 3 นั้นคงต้องรอกันต่อไปว่าจะมาเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ Netflix ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าตอนพิเศษของ KINGDOM จะสามารถดูได้ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ อ่านข่าวได้ที่นี่

เรื่องที่ 3 : PEAKY BLNDERS

ประเภท : ดาร์กแบบหล่อเท่, ย้อนยุค, แก็งสเตอร์, อาชญากรรม

ระดับความดาร์ก : ระดับกลาง

ซีซัน : 5 ซีซัน

เรื่องย่อ :  PEAKY BLNDERS ได้ชื่อว่าแก็งอันธพาลที่ผู้คนพากันเกลียดขี้หน้าและเกรงกลัวเพราะความมีอำนาจและอิทธิพล โดยที่มาของชื่อคือสมาชิกจะใส่หมวกพีคกี้และมีมีดโกนซ่อนที่หมวกเอาไว้ใช้ป้องกันตัว กิจการหลักของพวกเขาคือการทำธุรกิจพนันม้าในเมืองเบอร์มิงแฮม โดยแกนนำแก็งประกอบด้วย โธมัส เชลบี้หรือทอมมี่ ลูกคนกลางผู้เป็นพระเอกที่ฉลาดหลักแหลมและเป็นผู้นำแก็ง  พี่ชายคนโต อาเธอร์หัวหน้าแก็ง, น้องชาย จอห์น และป้าพอลลี่ ด้วยความฉลาด มีไหวพริบและพลิกแพลงสถานการณ์ได้เก่งของทอมมี่ทำให้เขากลายเป็นผู้นำของกลุ่มโดยที่อาเธอร์จะเป็นสายบู๊และลงมือทำมากกว่า ด้วยนิสัยของทอมมี่ที่ชอบวางแผนต่าง ๆ โดยไม่บอกใครทำให้เส้นเรื่องมีความซับซ้อนทั้งในด้านครอบครัว การหักหลัง ผลประโยชน์ เส้นเรื่องที่ว่าซับซ้อนแล้วคาแรคเตอร์ของตัวละครยังซับซ้อนกว่า โดยเฉพาะทอมมี่และอาเธอร์ที่มีปมและผ่านสงครามชีวิตมามากมายทำให้มีปัญหาด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอะไรก็มักจะเดาใจตัวละครได้ยากเพราะเหตุผลดังกล่าว โดยทอมมี่เองวางแผนขยายธุรกิจให้ใหญ่โตขึ้นแต่เขาก็ต้องฟาดฟันและพัวพันกับผู้มีอำนาจและด้านมืดของสังคม

รีวิว : ถ้าพูดถึงซีรีส์เกี่ยวกับอาชญากรรมแนวมาเฟียคงต้องพูดถึง PEAKY BLNDERS  เนื่องจากเป็นซีรีส์แนวพีเรียดคนในแก๊งค์แต่ละคนบุคลิกเท่สุด ๆ อีกครั้งยังมีเนื้อเรื่องชิงไหวพริบที่บางครั้งก็ตามไม่ทัน โดยซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแนวมาเฟียอย่างที่คุ้นเคยกัน แต่จะเป็นแนวแก็งที่มีถิ่นที่ควบคุมอยู่เป็นของตนเอง เป็นแก็งขนาดกลาง ๆ ที่มีอิทธิพลพอสมควร ในเรื่องของการแต่งตัวก็จะมาแนวผู้ดีอังกฤษ เป็นต้นว่าใส่สูทผูกไทด์ ใส่หมวกพีคดี้สไตล์หนังย้อนยุค โครงเรื่องและการดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างมีสไตล์และดูเป็นศิลปะ ทั้งในเรื่องของบทพูดที่ดูลึกซึ้งสื่อถึงปมชีวิตของตัวละครแต่ละตัว ความฉลาดระดับเทพของเชลบี้ อีกทั้งเพลงประกอบที่ทำให้เสน่ห์และกลิ่นอายของความแก็งสเตอร์คุกรุ่น ในเรื่องของงานภาพก็สวยและสามารถทำให้สัมผัสของความย้อนยุคและความคูลแบบดิบ ๆ ตามฉบับของซีรีส์ได้เป็นอย่างดี สามารถการันตีได้เลยว่าเป็นซีรีส์ที่ควรค่าแก่การนั่งดูซักครั้งในชีวิต โดยสามารถรับชม PEAKY BLNDERS ทั้ง 5 ซีซัน ได้ทาง Netflix โดยมีซีซีนละ 6 ตอน ตอนละประมาณหนึ่งโมง ซึ่งเท่ากับว่าถ้าดูรวดเดียวจบก็สามารถทำให้ภายในหนึ่งวันกว่า (ช่างเป็นระยะเวลาที่ควรค่าแก่การอดนอนเสียจริง) ในส่วนของซีซันที่ 6 นั้นคาดว่าจะมาในปี 2022 และอยู่ระหว่างการถ่ายทำ

เรื่องที่ 4 : BLACK (2017)

ประเภท : ดาร์กแบบดราม่า, สืบสวนสอบสวน, ดราม่า

ระดับความดาร์ก : ดาร์กระดับเริ่มต้น

ซีซัน : 1 ซีซัน

เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของฮันมูกังนักสืบที่ถูกซงซึงฮอน ยมทูตสิงร่างและคังฮารัมหญิงสาวที่มีความสามารถพิเศษคือล่วงรู้ความตายของผู้อื่นล่วงหน้าด้วยการเห็นเงามรณะและหากเธอได้สัมผัสกับผู้นั้น เธอก็จะสามารถรู้ถึงลักษณะการตายได้ โดยซงซึงฮอนได้ใช้ร่างของฮันมูกังในการตามหาวิญญาณที่หลบหนี เขาจึงขอร้องให้ฮารัมช่วยเหลือเขาในการทำภารกิจและเขาก็ได้เข้าไปพัวพันกับการสืบคดีปริศนาที่เกี่ยวข้องกับการตายของเขาเอง

รีวิว  :  ซีรีส์เรื่อง Black เป็นซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวนสอบสวนที่มีความซับซ้อนสูงมาก ทั้งการเล่าเรื่องที่เล่าเหมือนไม่อยากให้คนดูจับต้นชนปลายถูกกับเรื่องราวเลิฟไลน์ที่ไม่ค่อยจะมี (แต่ก็มีอยู่แบบเนียน ๆ ) ความน่าสนใจของเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีทั้งความดราม่า แฟนตาซีและสืบสวนสอบสวน ปมดูยุ่งยากแต่พอคลายแล้วก็จะพบว่าดูเหมือนทุกปมจะเชื่อมโยงกันหมด พล็อตแน่น อีกทั้งดูแล้วยังหน่วงจิตหน่วงใจแถมยังวางไม่ลงอีกต่างหากเพราะถ้าไม่ดูต่อมันจะค้างคา รับรองได้เลยว่าถ้าเลือกดูเรื่องนี้แล้วคุณได้จะรับความสนุกแบบครบรสทั้งดราม่าและความโรแมนติก ในเรื่องของภาพก็สวยตามมาตรฐานของเกาหลี เพลงประกอบเข้ากับบท หากจะมีเรื่องขัดใจก็คงจะเป็นเรื่องของนิสัยของฮารัมที่บางครั้งก็ทำอะไรดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็พอหาเหตุผลมาเพื่อเข้าใจได้อยู่จากปัญหาครอบครัวของฮารัม (จนบางครั้งก็คิดว่าทำไมนางเอกของเราต้องชีวิตรันทดขนาดนี้) หากใครอยากดูซีรีส์สายดาร์กแนวหม่นหมอง ปัญหาชีวิต สืบสวนสอบสวนและการแก้ปมที่ทำให้คุณว้าวและงงในคราวเดียวกันแนะนำเรื่องนี้เลย โดยสามารถดูได้ใน NETFLIX ความยาว 18 ตอน ตอนละ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ

สำหรับการแนะนำซีรีส์สายดาร์กในบทความนี้ก็จบลงไปแล้ว โดยบทความหน้าจะมาแนะนำซีรีส์แนวไหนอีก ก็คงต้องรอติดตามกันนะคะ