ฉายไปรอบหนึ่งแล้วในปีที่แล้ว ก่อนที่โรงหนังทั่วประเทศจะปิด ตอนนี้ได้นำกลับมาฉายอีกรอบ กับหนังเรื่อง A Quiet Place Part II ดินแดนไร้เสียง 2 ที่ในภาคแรกได้สร้างปรากฏการณ์ คนดูชอบกันแบบถล่มทลาย ใครที่ไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนัง ต้องบอกเลยว่า กินป๊อปคอร์นกันแบบไม่เป็นสุขแน่นอน เพราะเกรงใจคนทั้งโรง เพราะมันเงียบเหงาจริง ๆ หลังจากเหมือนจะจบไปในภาคแรก แต่ด้วยที่รายได้ดี ทำไปได้ทั่วโลกถึง 350 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรียญ ทำให้ไม่รอช้า ผู้กำกับอย่าง John Krasinski ที่ตัวเองทั้งกำกับเองและเล่นเอง ก็ได้ทำหนังภาคต่อนี้ออกมาให้เราได้ดูกัน วันนี้ผมจะพาไปดู A Quiet Place Part II กันครับ
A Quiet Place Part II เล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในหนังภาคแรก กับการต้องสูญเสียผู้นำของครอบครัว Abbott อย่าง Lee (รับบทโดย John Krasinski) และการโจมตีของสัตว์ประหลาด (หรือตัวอะไรก็ไม่รู้) นั่นทำให้สมาชิกที่เหลือของครอบรัว Abbott จำเป็นที่จะต้องออกเดินทาง และต้องเผชิญความน่าสะพรึงกลัวของโลกภายนอก ถูกบังคับให้ต้องขึ้นเหนือ ไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก นั่นทำให้เขาได้เจอกับคนรู้จักอย่าง Emmett (รับบทโดย Cillian Murphy) ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ ที่ไม่ได้มีแค่สัตว์ประหลาด แต่เป็นสิ่งอื่นที่กำลังซุ่มซ่อนอยู่ แบบที่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
A Quiet Place Part II ในภาคต่อนี้ ยังมีจุดที่ผมเองมองว่าคงคอนเซปต์เดิม และอันที่ (เกือบ) จะคงคอนเซปต์เดิมอยู่ ที่ยังคงเดิม คือการใช้ตัวละครน้อย ที่นับได้ตัวละครหลักในหนังภาคนี้มีอยู่ด้วยกัน 5 คน (ถ้านับรวมเจ้าหนูน้อยด้วย) ตรงนี้แหละที่ทำให้ A Quiet Place คงเป็นตัวของตัวเองอยู่ แต่ที่ (เกือบ) จะคงเดิม คงจะเป็นหลักใหญ่ใจความของหนังเรื่องนี้ คือความ “เงียบ” หากลองสังเกตดูจะพบว่า ในหนังภาคแรก A Quiet Place มีบทพูดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนดู และความอึดอัดตรงนั้น ทำให้หนังออกเป็นแนว Survival ผสมกับความ Horror, Thriller แบบวิ่งหนีปิศาจกันป่าราบ แต่ใน A Quiet Place Part II ภาคนี้ ผมว่าตรงนี้มันหายไป ความ Survival ลดลงไปเยอะ แต่ความวิ่งกันป่าราบยังคงอยู่ และส่วนตัวมองว่า การประคองอารมณ์โดยรวมของหนัง ภาคแรกทำออกมาได้ดีกว่ามากครับ
มาในส่วนของบท ตรงนี้ผมชอบเลยครับ เป็นการพัฒนาบทจากเดิม และมีการให้แต่ละตัวละครไปในทางของตนเอง เรียกว่าเดินเรื่องไปร้อมกันถึง 2 (หรือ 3) เส้นเรื่องเลยทีเดียว ไม่น่าเบื่อดีครับ ชอบตรงที่ครอบครัวนี้ ห้าวกันเสียทุกคน แต่ติดอยู่หน่อย ผมว่าการวางอุปสรรคของหนัง ออกจะเดาง่ายไปเสียหน่อย เหมือนว่าพอมีสิ่งนี้ เราก็รู้แน่ ๆ ว่ามันต้องใช้สิ่งนี้ และต้องจบประมาณนี้ แต่ก็ไม่ได้เดาง่ายจนดูหนังไม่สนุกนะครับ ยังอยู่ในจุดที่สนุก และทำให้เรามันส์ไปกับหนังได้อยู่ แต่ถามว่า Horror หรือ Thriller ไหม ใน A Quiet Place Part II ภาคนี้ ผมว่าไม่ Horror เท่าไหร่ครับ แต่ก็ยังออก Thriller แต่ลดลงไปจากภาคแรกเยอะ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่เสี่ยงอยู่แล้วครับ การทำหนังภาคต่อให้ออกมาดีเท่ากับ หรือดีกว่าหนังภาคแรก เลยให้อภัยไป ผมว่า หากไม่มีหนังภาคแรกมาเปรียบเทียบ ผมอาจจะชอบ A Quiet Place Part II มากก็ได้
มาถึงตัวละครสุดโปรดของผม ผมขอยกให้น้อง Regan (รับบทโดย Millicent Simmonds) ที่ห้าวเสียเหลือเกิน และแสดงออกถึงความกล้าหาญจริง ๆ มีเรื่องราวเป็นของตัวเองด้วย แล้วนักแสดงเล่นดีมากเลยครับ อีกคนหนึ่งต้องยกให้ตัวละครของ Emily Blunt ในบทของ Evelyn ผู้เป็นแม่ ซึ่ง A Quiet Place Part II สิ่งที่จะสื่อเป็นสำคัญ คือ ความรักที่แม่มีต่อลูก ทั้งการช่วยลูกทารกน้อย การช่วยลูกชาย (ช่วยยังไงต้องไปดูกันเอง เดี๋ยวจะเป็นการ Spoil) มันก็น่าคิดดีนะครับ ใน A Quiet Place ภาคแรก ตัวละครเด่น ๆ ที่ชูเรื่องคือตัวละครของ John Krasinski ผู้เป็นพ่อ และในภาคนี้ พอดูจบผมก็เห็นความสำคัญของตัวละครแม่ ชอบเลยครับจริง ๆ
แอบคิดเอาว่า A Quiet Place ยังเล่าเรื่องอะไรได้อีกเยอะเลย คงจะน่าสนใจไม่น้อย ถ้าเอาเรื่องราวในหนัง A Quiet Place ไปทำเป็นซีรี่ส์ต่อ ถึงจะบอกว่ามีโน่นนี่ให้ติ แต่ผมก็ชอบครับ และแอบลุ้นว่า น่าจะมีต่อนะ เพราะพล็อตแบบนี้ ผมมองว่ายังไงก็ขายได้เรื่อย ๆ นะ ถ้าเล่าเรื่องออกมาให้น่าติดตาม อย่างที่หนัง A Quiet Place ทั้งสองภาคได้ทำไว้ หากใครยังพอไปดูหนังในโรงหนังได้ อยากให้ไปดูกันนะครับ ในกรุงเทพคงหมดสิทธิ์ เพราะโรงหนังดูเหมือนจะปิดหมด ไปอุดหนุนคนทำหนังกันนะครับถ้าทำได้ เพราะหนังดี ๆ แบบนี้ ยิ่งช่วงนี้ผมว่าหาดูกันยากเลย หมายถึงในโรงหนังนะ มาเปลี่ยนบรรยากาศจากการดูสตรีมมิงกันบ้างก็ดีไม่น้อยครับ อย่าลืมนะ A Quiet Place Part II
