หนังรางวัลจ้าหนังรางวัล ได้ดูแล้วครับ กับหนังที่ได้รับรางวัลใหญ่แห่งปีเลย กับรางวัล Academy Awards หรือ OSCAR ประจำปี 2021 เรื่อง Nomadland ที่ลงให้กับสตรีมมิงที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด Disney+ Hotstar ที่ไม่ว่าจะไปดูทางโซเชียลมีเดียไหน ๆ ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะดูเหมือนกัน ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้เขาจริง ๆ ที่เอาหนังเรื่องนี้มาลง ผมที่อยากดูมานานวันนี้ก็เลยมาลิ้มลองหนังเรื่อง Nomadland ดู ที่เขาบอกว่าได้รางวัลนั้นจะดีอยากที่ผมคิดไหม วันนี้จะชวนทุกคนมาดูกันครับ

Frances McDormand and Charlene Swankie in Nomadland

Nomadland ว่าด้วยเรื่องของหญิงหม้าย Fern (รับบทโดย Frances McDormand) ที่ถูกออกจากงานในโรงงานยิปซั่มใน Empire รัฐ Nevada หลังจากที่โรงงานนี้ได้ถูกปิดตัวลงในปี 2011 ที่นี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โรงงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนนับร้อยนับพัน แต่เปรียบเสมือนบ้าน เปรียบเสมือนชุมชนหนึ่ง ที่หล่อเลี้ยงชีวิต และจิตวิญญาณของคนนับร้อยนับพันนั้นด้วย เหตุเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ในที่สุด Fern ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในรถตู้มือสอง และออกเดินทางตามวิถีคนจร เดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง จากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐหนึ่ง เพื่อที่จะหาโอกาสในการทำงาน ในขณะที่ Fern ได้ใช้ชีวิตเร่ร่อน ระหว่างทางนั้นเธอได้พบกับผู้คน ที่เปรียบดั่งญาติพี่น้อง เหล่าคนเร่ร่อนที่มีชีวิตอยู่จริงในยุคปัจจุบัน แต่ละคนมีที่มาและมีชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน คือการต้องทนทุกข์ทรมาน หลังจากการล่มสลายของวิกฤตทางการเงินในปี 2008  ดูเหมือนว่าโลกของพวกเขาเหล่านี้กำลังพังทลายลง คำถามต่อมาก็คือ ชุมชน หรือเล่าผู้คนรอบ ๆ ตัวพวกเขาเหล่านี้ จะเรียกว่าบ้านได้หรือเปล่า

Frances McDormand in Nomadland

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าหนังเรื่อง Nomadland นี้ผมเองคิดว่าจะต้องอาศัยประสบการณ์ และชีวิตในการดูหนังเรื่องนี้อย่างมาก เพราะสำหรับผมแล้วหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ดูง่ายเลย ดังนั้นสิ่งที่ผมจะกล่าวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ผมได้อาศัยประสบการณ์อันน้อยนิด และชีวิตที่ผ่านโลกมาเพียง 25 ปีในการมอง Nomadland ผ่านสายตาของผม หากไม่ตรงใจใครอย่างไรก็ตาม ผมขออภัยก่อนเลยครับ

Frances McDormand and David Strathairn in Nomadland

มีหลายคนบอกไว้ว่า Nomadland ดูไปแล้วก็คล้าย ๆ หนังเรื่องหนึ่ง เรื่อง Into the Wild ที่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ตัดขาดจากระบบทุนนิยม และออกเดินทางเข้าป่า มีเป้าหมายจะใช้ชีวิตเร่ร่อน และไปจบลงที่ Alaska โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มดัง ของ Henry David Thoreau เรื่อง Walden สำหรับผมแล้ว หากเอา Nomadland ไปเทียบกับหนัง Into the Wild  มันช่างเป็นอะไรที่เทียบกันไม่ได้ หนังทั้งสองเรื่องนี้ดำเนินแนวทางไปคนละแนวทางกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ Into the Wild พาเราไปสำรวจโลก โลกที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ และเหล่าผู้คน ในทางกลับกัน Nomadland นอกจากจะพาเราไปรู้จักกับเหล่าผู้คน ยังพาเราเข้าไปสำรวจถึงชีวิตของคนเหล่านี้ รวมไปถึงปัญหา หรือสิ่งที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มาลงเอยแบบนี้ สิ่งเหล่านั้นคือ “เวลา” และ “ระบบสังคมใหญ่” ที่กดทับผู้คนเหล่านี้ และกดดันให้พวกเขาเหล่านี้ออกมาใช้ชีวิต

Charlene Swankie in Nomadland

สิ่งที่คนเหล่านี้ทำ คือพยายามใช้ชีวิต ถึงแม้จะมีสิ่งหนึ่งที่ผลักดันให้พวกเขาเหล่านั้นมาลงเอยแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนเหล่านั้นก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะตามหาความหมาย ในช่วงชีวิตที่เหลือของพวกเขา จากหนังเราจะได้เห็นกลุ่มคน ไม่ใช่แค่คนในวัยเกษียณแล้ว ที่เลือก (โดนบังคับ) จะออกมาใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ยังมีกลุ่มหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ที่พ่ายแพ้ให้กับระบบทุนนิยม และโลกในอุดมคติของใครหลาย ๆ คน หนังเรื่อง Nomadland นี้ กำลังสะท้อนให้เห็นภาพใหญ่ ๆ เหล่านี้อยู่ครับ

Frances McDormand and Linda May in Nomadland

อีกเรื่องราวที่ไม่พูดถึงไม่ได้ หากลองสังเกตดู ผู้คนหลัก ๆ ที่เราจะได้เห็นจากเรื่องราวในหนัง Nomadland นี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้คนที่อยู่ในวัยเกษียณแล้วทั้งนั้น ทั้งนี้รวมถึง Fern ที่เป็นตัวละครหลักด้วย เรื่องที่ใกล้ตัวกลุ่มคนเหล่านี้มากที่สุด ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของความตาย “เวลามีประโยชน์ในหลาย ๆ แง่ มันทำให้เราเติบโตเป็นคนได้เต็มคนขึ้น ในทางกลับกันมันก็พรากคน พรากความรัก และคุณค่าของคนไปจากโลกใบนี้ด้วย” นี่เป็นสิ่งที่ผมเชื่อ แต่ Nomadland ไม่ได้มองแบบนั้น Nomadland มองความตายด้วยรอยยิ้ม และโอบกอดความตายนั้นไว้ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง เราได้ยินกันมาเสมอว่า “ให้รู้จักใช้ชีวิต เมื่อวันสุดท้ายของเรามาถึง เราจะได้ไม่เสียดายมากนัก” Nomadland ทำให้เรามองประโยคเลย ๆ นี้ชัดขึ้น และเผยให้เราเห็น ว่าความตายก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่าครับ สิ่งนี้จำเป็นจะต้องใช้เวลา ในการทำความเข้าใจ บางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้งชีวิตของคุณ แต่ผมก็ว่า มันคุ้มค่าที่จะใช้เวลาครับ

David Strathairn and Bob Wells in Nomadland

หนังเรื่องนี้ออกจะลอย ๆ จะให้บรรยายเป็นคำพูด เหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ ก็ดูจะมีเนื้อเรื่องไม่มากนัก เพราะไม่ใช่หนังที่พาเราไปสำรวจถึงโลกภายนอก แต่เป็นหนังที่พาเราไปสำรวจโลกภายใน โลกภายในของกลุ่มคนที่ถูกสังคมและกาลเวลากดทับ กลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่ทั่วโลก เราน่าจะเห็นสิ่งเหล่านี้ใกล้ ๆ ตัวเรา ยิ่งในปัจจุบันมันยิ่งชัด  ก็ได้แต่หวังว่า เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์เห็นคุณค่าของมนุษย์เหมือนกันแล้ว เมื่อนั้นคนเหล่านี้จะถูกช่วย และไม่ยอมศิโรราบให้กับโลก จนต้องถูกบังคับให้กลายเป็น Nomad