วันนี้ผมอยากชวนคุณดูซีรี่ส์เรื่องเยี่ยมอีกหนึ่งเรื่องทาง Netflix เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์ที่ทั้งเนื้อเรื่องดี และนำเสนอในเรื่องของความหลากหลายอย่างแท้จริง สำหรังผมแล้ว ซีรี่ส์เรื่องนี้เรียกได้เลยว่า เป็นซีรี่ส์ที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อความสนุก หรือสะท้อนสังคม แต่เป็นซีรี่ส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อนำพาสังคมโดยแท้ คุณจะได้พบกับทุกอารมณ์ ทุกรสชาติภายในซีรี่ส์เรื่องเยี่ยมเรื่องนี้ ซีรี่ส์เรื่องนั้นคือ Sense8

Naveen Andrews, Bae Doona, Max Riemelt, Brian J. Smith, Tuppence Middleton, and Jamie Clayton in Sense8

Sense8 เป็นซีรี่ส์ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของเหล่าคนแปลกหน้า 8 คนได้แก่ Will Gorski (รับบทโดย Brian J. Smith), Riley Blue (รับบทโดย Tuppence Middleton), Capheus Onyango (รับบทโดย Aml Ameen ซีซั่น1, Toby Onwumere ซีซั่น 2), Sun Bak (รับบทโดย Bae Doona), Lito Rodriguez (รับบทโดย Miguel Ángel Silvestre), Kala Dandekar (รับบทโดย Tina Desai), Wolfgang Bogdanow (รับบทโดย Max Riemelt) และ Nomi Marks (รับบทโดย Jamie Clayton) คนเหล่านี้แต่ละคนแตกต่างกันทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่บนโลกและวัฒนธรรม หลังจากความตายของคนคนหนึ่งที่คนเหล่านี้ได้รับรู้ผ่านนิมิตรร่วมกัน ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้รับรู้ว่า พวกเขามีความเชื่อมโยงกันทางจิดและอารมณ์ ยิ่งนับวันมันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวนี้ ว่าการเชื่อมโยงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นทำไม และมีความหมายอย่างไรต่อพวกเขา ก็ได้มีชายลึกลับชื่อ Jonas Maliki (รับบทโดย Naveen Andrews) พยายามช่วยทั้ง 8 คน ในขณะเดียวกัน คนแปลกหน้าอีกคนที่ชื่อว่า Whispers (รับบทโดย Terrence Mann) พยายามตามล่ากลุ่มของพวกเขา โดยใช้พลังสัมผัสเดียวกันนี้เองเพื่อเข้าถึงจิตใจและความรู้สึก (เข้าถึงได้ทั้งความคิดและการมองเห็น) เพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาของเขา โดยในแต่ละตอนของซีรี่ส์เรื่องนี้ ได้สะท้อนถึงมุมมองของตัวละครที่มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และพาให้เราได้รู้จักแต่ละตัวละครที่มีความหลากหลาย และสิ่งที่นำพาพวกเขาให้มาอยู่รวมกันเป็นครอบครัว

Bae Doona, Max Riemelt, Alfonso Herrera, Brian J. Smith, Miguel Ángel Silvestre, Eréndira Ibarra, Tuppence Middleton, Tina Desai, Jamie Clayton, and Toby Onwumere in Sense8

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ซีรี่ส์ Sense8 เป็นซีรี่ส์ที่มีเนื้อเรื่องค่อนข้างหนัก แต่ละตอนก็จำเป็นต้องใช้เวลาดูอย่างมาก และต้องตั้งใจดูด้วย แต่ก็เป็นซีรี่ส์ที่พลาดไม่ได้จริง ขอแนะนำเลยครับ ดูกันให้ได้เลย คุณจะพบกับเรื่องราวทั้ง 8 เรื่องราว ซึ่งค่อนข้างเยอะเลยหากเทียบกับซีรี่ส์หลาย ๆ เรื่อง แต่ละเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องราวหลักทั้งสิ้น เพราะ Sense8 มีตัวละครหลักถึง 8 ตัวละคร แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องราวหลักใหญ่อยู่เพียงหนึ่ง ถึงจะมีหลาย ๆ เรื่องราว แต่ทุกเรื่องราวสนุก และดีแตกต่างกันออกไป สำหรับผมแล้วไม่มีเรื่องราวไหน ๆ น่าเบื่อเลย การดำเนินเรื่องที่ชวนให้เราติดตามตั้งแต่แรก สองซีซั่นยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ

Bae Doona, Miguel Ángel Silvestre, and Toby Onwumere in Sense8

เนื่องจาก Sense8 มีเส้นเรื่องด้วยกัน 8 เส้นเรื่อง แต่ละเส้นเรื่องก็มีตัวละครของเขาเอง ดังนั้น Sense8 จึงเป็นซีรี่ส์ที่มีตัวละครเยอะมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ที่ผมชอบคือ Sense8 เข้าใจที่จะเลือกวางความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครได้น่าสนใจ บางตัวละครที่มีการคาบเกี่ยวกันระหว่าง 8 เส้นเรื่อง ก็ไม่นำมาปนกันจนงง เรียกได้ว่าดูเพลิน ไม่จำเป็นต้องงงตัวละครกันเลย ยิ่งซีซั่น 2 ยิ่งมีตัวละครเยอะเข้าไปอีก ตัวละครของแต่ละเส้นเรื่องก็มีความหนักเบาแตกต่างกันออกไป บางเส้นเรื่องก็เน้นดรามาหนัก บางอันก็ขายแอ็กชัน ดังนั้น Sense8 จึงสร้างบาลานซ์ โดยใช้เส้นเรื่องและตัวละครที่ต่างกันได้เกิดประโยชน์ดีเลยทีเดียว

Alfonso Herrera and Miguel Ángel Silvestre in Sense8

สิ่งที่ดีงามมาก ๆๆๆๆๆ ของ Sense8 เลย และหลายคนก็ยกให้เป็นซีรี่ส์ที่ดี เหตุผลใหญ่ ๆ เหตุผลหนึ่ง คือ Sense8 นำเสนอในเรื่องของความหลากหลายในทุก ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติของเชื้อชาติ แต่ละคนมีที่มาแตกต่างกัน วัฒนธรรมก็แตกต่างกัน มิติของเพศ อันนี้ขอมาร์คใหญ่ ๆ เลย Sense8 นำเสนอมุมมองในเรื่องของ LGBTQIA+ ได้อย่างดีมาก ๆๆๆๆๆ คุณจะได้พบกับความหลากหลายทางเพศของจริง Sense8 กำลังจะบอกเราว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เกิดหรือโตที่ไหน เพศอะไร คุณก็สามารถมีความรักต่อกันได้ จนซีรี่ส์ Sense8 เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์ของกลุ่ม LGBTQIA+ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่มีแฟน ๆ ของซีรี่ส์เรื่องนี้อยู่ทั่วทุกมุมโลก และทุกเพศจริง ๆ

Max Riemelt and Tina Desai in Sense8

เนื่องจาก Sense8 เป็นซีรี่ส์ที่แฟน ๆ ให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้คนทั่วโลก เพราะได้นำเสนอวัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลก ผ่านคนทุกเพศ สถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์ Sense8 จึงเดินทางไปถ่ายทำทั่วโลก กับการถ่ายทำใน 8 ประเทศจากซีซั่นแรก บวกกับการถ่ายทำใน 11 ประเทศจากในซีซั่น 2 และนักแสดงอีกมากมาย นั่นทำให้งบประมาณที่ใช้กับ Sense8 ค่อนข้างสูงมาก ดังนั้น ถึงแฟน ๆ จะรักและหลงใหล และได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ มากมาย แต่ Sense8 ก็ไม่ได้ไปต่อ และต้องจบลงที่ซีซั่น 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตอนจบของซีซั่น 2 นั้นออกมาอย่างที่เราเห็น (สงสัยโดนตัดจบ)

Michael X. Sommers, Freema Agyeman, Maximilienne Ewalt, Rhonnie Washington, L. Trey Wilson, Jamie Clayton, and Michael Willis in Sense8

ไม่ว่าอย่างไร ผมขอแนะนำให้คุณดู Sense8 และต้องดูให้ได้ เพราะผมรักมันมาก อยากให้คุณได้สัมผัสกับ Sense8 เช่นเดียวกับที่ผมสัมผัส แล้วคุณจะหลงรัก และหลงใหลใน Sense8 แบบเดียวกับที่ผมเป็น