วันนี้ จะชวนทุกคนมาดูหนังหนึ่งเรื่อง ที่ตัดสินใจฉายลงในสตรีมมิง Netflix หลังจากที่หนังเรื่องนี้ ก็เหมือนกับหนังหลาย ๆ เรื่อง ที่เลื่อนฉายออกไปเนื่องจากปัญหาโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ สุดท้ายหลังจากได้มีการเลื่อนฉายหลายต่อหลายรอบเข้า ทางสตูดิโอก็ได้ตัดสินใจขายสิทธิ์การฉายให้กับสตรีมมิง Netflix เราจึงได้ดูกันในสตรีมมิง กับหนังเรื่อง Fatherhood คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว

Fatherhood เป็นหนังที่มีการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ ของนักแสดงตลกชื่อดัง Kevin Hart ที่มารับบทคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว จากครอบครัวที่สมควรจะอบอุ่น อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งพ่อแม่ลูก แต่โชคชะตากลับเล่นตลก หลังจากครอบครัวนี้ได้ให้กำเนิดหนูน้อย Maddy (รับบทโดย Melody Hurd) Matt (รับบทโดย Kevin Hart) และครอบครัว ก็ต้องพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เนื่องจากภรรยาของเขา Liz (รับบทโดย Deborah Ayorinde)ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ นั่นทำให้ชีวิตของครอบครัวที่น่าจะอบอุ่น ต้องเผยิญภาวะอันหนักหน่วง การต้องทำหน้าที่ทั้งเป็นหัวหน้าครอบครัว ตอนนี้ต้องเลี้ยงหนูน้อย Maddy ให้เติบโตมาให้ได้อีก บวกกับแม่ยายของ Matt อย่าง Marian (รับบทโดย Alfre Woodard) ก็ไม่ค่อยเชื่อใจว่าเขาจะสามารถเลี้ยงดูหนูน้อย Maddy ได้ กาลเวลาที่ผ่านไปเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวเหล่านี้ นี่คือเรื่องราวสุดแสนอบอุ่น และการเดินทางของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว และลูกสาวผู้ที่ต้องเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากผู้เป็นแม่ ใน Fatherhood
หนังแนวดรามาครอบครัว เป็นแนวหนังที่ผมแพ้ทางอีกหนึ่ง ดูกี่เรื่องก็มีเสียน้ำตาทุกเรื่อง Fatherhood ก็เป็นแบบนั้นครับ ไม่ถึงกับขายดรามาขนาดนั้น แต่ก็เรียกความดรามาออกมาได้ หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องแบบเส้นตรง ไม่ได้มีอะไรพิลึกพิศดาร แต่ก็ดีนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังดูเรื่อย ๆ ไม่ได้ต้องการฉากหักมุมหรืออะไรมากนัก ตามสไตล์หนังประเภทนี้ก็คงมีดรามาตอนเปิดเรื่อง เผยให้เห็นถึงความลำบากที่ตัวเอกต้องเผชิญ และพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเขาก็ฝ่าฟันสิ่งเหล่านั้นมาได้ ตอนกลางเรื่องไปเรื่อย ๆ ก็อาจเจอวิกฤติอะไรสักอย่าง พอแก้ไขแล้วสุดท้ายก็ผ่านมันไปได้ และจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ตรงนี้เป็นจุดเรียกน้ำตาได้เลยตรงตอนจบ Fatherhood เป็นแบบนี้เลยครับ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็ดูได้เรื่อย ๆ อาจจะด้วยความสอนแทรกมุกตลกอยู่ตลอดก็ได้ เลยทำให้เราไม่เบื่อ และมองในมุมมองของหนังคอเมดี้ได้ ถึงจะไม่ได้ขายขำขนาดนั้นก็ตามที

ด้วยบทเขามีความน่ารักอยู่ ความคอเมดี้ปนดรามา เราไม่ได้เห็นทางไหนแบบเต็ม ๆ นั่นทำให้ Fatherhood ไม่น่าเบื่อ ถึงแม้จะดูเรียบ ๆ ก็ตาม การที่หนังเลือกที่จะดำเนินเรื่องแบบเนิบ ๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก เป็นอะไรที่เสี่ยงจะล่ม แต่หนังเรื่องนี้ทำได้ ถึงประเด็นต่าง ๆ ภายในเรื่องจะไม่ได้แรงและน่าตื่นเต้นขนาดนั้น แต่ก็ไปรอด ตอนแรกดูจากตัวอย่างหนัง ก็คิดว่าจะขายดรามาจ๋า ร้องไห้น้ำตาท่วม แล้วแทรกมุกตลกนิดหน่อย แต่แบบนี้ก็ดีครับ พอกัน ไม่เครียด เบาสมองดี
อย่างที่บอกไปว่า Fatherhood เป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Kevin Hart ก่อนที่จะดูผมก็มานั่งคิดว่า มันน่าเสี่ยงอยู่ ที่การพลิกบทบาทครั้งนี้อาจยากอยู่เหมือนกัน เราติดภาพของเขากับหนังตลกหลาย ๆ เรื่อง Ride Along, Central Intelligence หรือแม้แต่ใน Jumanji แต่พอมาดูแล้วกลับรู้สึกว่า ไม่ติดเลย ไม่ติดแล้วดีมากเสียด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่า Kevin Hart จะลบภาพฮา ๆ ของตัวเองไปได้ จะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะยังไงหนังเรื่องนี้ก็มีความคอเมดี้อยู่ด้วย เรียกว่าลดทอนความตลกลงไป และสวมวิญญาณความเป็นพ่อลงไปได้เป็นอย่างดี ความรับผิดชอบที่ต้องเลี้ยงดู Maddy น้อย ความรักที่มีต่อเธอ บวกกับความขี้เล่นตามสไตล์ Kevin Hart บทบาทนี้ของเขาจึงบอกได้เลยครับ ว่าสมบูรณ์ครบถ้วนจริง ๆ

สิ่งที่ Fatherhood พยายามนำเสนอกับเรา แน่นอนว่าคือเรื่องของความรักล้วน ๆ ในที่นี้ หมายถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกน้อย แน่นอนว่าหนังแนวนี้ทำมาเพื่อเรียกน้ำตาคนดูอย่างเรา แต่อีกนัยหนึ่งก็ได้นำเสนอสิ่งเหล่านี้ ความสำคัญของครอบครัว และความหมายของคำว่า “ครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ” Fatherhood กำลังบอกเราว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องมีกันครบถ้วนพ่อแม่ลูก เพียงแต่มีความรักของพ่อแม่ลูกครบถ้วน แค่นั้นกก็เพียงพอแล้ว อาจจะรู้สึกเหมือนขาดสิ่งใด ๆ ไปบ้าง แต่คนที่อยู่นั่นแหละ จะคอยเติมเต็มความรักนั้นให้สมบูรณ์ นอกจากนั้นตัวละคร Matt ในฐานะพ่อ ยังได้บอกกับเราด้วยว่า พ่อคนนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้ใกล้เคียงด้วยซ้ำ แต่พ่อคนนี้ทำดีที่สุด ดีเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำได้ และใช้ทั้งชีวิตทำเพื่อลูกคนหนึ่งแล้ว สิ่งนี้แหละ ที่เรียกได้ว่า ความรักที่สมบูรณ์แบบ
หากคุณอยากเสียน้ำตา และอบอุ่นไปพร้อมกัน Fatherhood คือคำตอบ ในช่วงที่เครียด ๆ กับหลาย ๆ เรื่องราวแบบนี้ การได้ดูหนัง feel good ดี ๆ สักเรื่อง ช่วงคุณได้มาก ช่วงนี้ไม่ค่อยจะมีหนังแบบนี้ให้ดูกันมากนัก อีกอย่างหาดูได้ง่ายด้วย คุณจะได้ทั้งความรัก ความอบอุ่น ความตลกขบขัน ดรามา และเสียน้ำตากับหนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่า ครบรสอย่างแน่นอน กับหนังเรื่องนี้ ช่วงนี้ที่การออกไปดูหนังในโรงหนังค่อนข้างลำบาก ก็หาดูหนังในสตรีมมิงกันง่าย ๆ ครับ ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ กับ Fatherhood คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว