ได้ดูกันเสียที เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้มีการนำเอาหนังแอนิเมชัน เรื่องที่โปรโมทกันมาตั้งนาน ในเครือของสตูดิโอ Pixar นำมาฉายลงสตรีมมิง Disney+ ซึ่งเป็นตัวแทนแอนิเมชันของค่าย ประจำปี 2021 (ค่ายหนัง Pixar จะปล่อยแอนิเมชันออกมาให้เราดูกันปีละหนึ่งเรื่อง เว้นปีที่แล้วที่มีการปล่อยออกมาให้ดูกัน 2 เรื่อง กับ Onward และ Soul) นั่นคือเรื่อง Luca โชคร้ายหน่อย ที่โปรแกรมฉายหนังของบ้านเรา เพิ่งจะถอด Luca ออกจากโปรแกรมฉายหนังโรงในเดือนนี้ ถ้าจะให้ชัวร์ก็คงต้องรอกันปลายเดือนนี้ กับการดูในสตรีมมิง Disney+ แต่ใครอยากรีบ หาดูก่อน (แบบผม) ก็สามารถหามาดูได้บ้าง (แต่ห้ามดูเถื่อนนะ) วันนี้ผมจะมาพูดถึง Luca กันครับ ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อน เนื้อหาในการรีวิวทั้งหมด No Spoil ครับ เพื่อไม่ให้เสียอรรถรสในการรับชม

Luca เป็นเรื่องราวเล็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ อันแสนงดงามของ Italy เมือง Rivera แต่เรื่องราวไม่ได้เริ่มต้นในเมือง มันเริ่มต้นขึ้นใต้น้ำ ลึกลงไปไม่มากจากแผ่นดิน กับปิศาจทะเลน้อย Luca Paguro (ให้เสียงโดย Jacob Tremblay) ที่แสนเบื่อหน่ายกับกิจวัตรเดิม ๆ ของตนเอง วันหนึ่งได้มีวัตถุปริศนาจากบนบกตกลงมา เป็นข้าวของของมนุษย์ Luca มีความสนใจใครรู้ขึ้นมาทันที แต่แม่ของเขาดันสั่งห้ามขึ้นไปบนบกเด็ดขาด เพราะเธอเชื่อว่ามนุษย์นั้นเลวร้าย แล้วก็จ้องแต่จะล่าพวกปิศาจทะเล แต่เราก็คงเดากันได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่สุด Luca ก็ได้ขึ้นไปเหนือน้ำ โดยการชักชวนจากเพื่อนใหม่ Alberto Scorfano (ให้เสียงโดย Jack Dylan Grazer) นี่คือเรื่องราวของทั้งสอง มิตรภาพ ความรัก รถเวสป้า และความฝันเล็ก ๆ ของเด็กน้อยสองคน ใน Luca

หนัง Pixar ทุก ๆ เรื่อง จะมีอารมณ์และโทนค่อนข้างชัดเจน ออกไปทางเรียกน้ำตา ทุกเรื่องราวนั้นสามารถทำให้เราร้องไห้ได้เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องราวของความทรงจำในวัยเด็ก กับของเล่นที่เคยรักที่สุดใน Toy Story เรื่องราวของครอบครัว ที่ไม่ว่าจะไกลกันเพียงใด แต่สุดท้าย เราก็ยังคงจำกันได้ ใน Coco หรือล่าสุด กับเรื่องราวของความฝัน กับความสุข และความหมายของการมีชีวิต ใน Soul เรื่องราวทั้งหมดต่างกัน แต่ Pixar ก็ได้ดึงเรา ให้อยู่ในอารมณ์ที่เขาต้องการให้เราเป็นได้ เรื่อย ๆ ไป เราติดกับดักน้ำตาของ Pixar กันตลอด ๆ (ผมติด) ใน Luca ก็เช่นกัน หากจะมีคำเปรยเรียกน้ำตาให้ Luca ผมขอใช้ประโยคที่ว่า “กับเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก และรถเวสป้า ใน Luca”

Luca ยังคงคอนเซปต์หนัง Pixar เอาไว้ครับ กับเนื้อเรื่องที่ดี เข้าใจง่ายในแบบแอนิเมชันครอบครัว มีคติสอนใจต่าง ๆ และตบท้ายด้วยฉากซึ้งเรียกน้ำตา หนังหลาย ๆ เรื่องของสตูดิโอนี้จะให้น้ำหนักของเรื่องเหล่านี้แตกต่างกัน บ้างก็ไปหนักที่ประเด็นเนื้อเรื่อง บ้างก็ไปหนักที่ฉากสนุก ๆ แล้วก็ไปลดทอนบางส่วนให้มีความสมดุลกันทั้งเรื่อง นี่เองน่าจะเป็นเหตุผล ที่ไม่ว่าหนังของ Pixar เรื่องไหน ๆ ก็ตามออกมา ถึงจะเล่นมุกเดิม ๆ หรือใช้ “สูตรสำเร็จ” แบบนี้ เราก็ไม่เบื่อกัน Luca มีบาลานซ์ในแบบของตัวเองอย่างชัดเจน หากเทียบเป็นเครื่องดื่ม ก็คงเป็นชาดอกไม้เบา ๆ ทั้งหมดเหมาะมาก สำหรับเด็ก ๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่อย่างเรา เนื้อเรื่องใน Luca ไม่ได้หนักหน่วงสักเท่าไหร่ ไม่ได้รัวหมัดกระแทกเราแบบใหญ่ ๆ อย่างที่ Inside Out หรือ Soul ทำ แต่เป็นหมัดแย็บ แล้วใส่เอาความเป็น Pixar เข้าไป แต่ไม่ใช่ว่าเบา ๆ ไปทั้งเรื่องนะครับ ตรงไหนที่ควรชกหนักบ้าง Luca ก็ใส่เราเหมือนกัน ตรงนี้ผมชอบครับ หากดูจากโทนของหนัง ตั้งแต่เริ่มโปรโมท แบบนี้ถือว่าตรงตามที่เขาโปรโมทเอาไว้ครับ

อีกอย่างที่ดีงาม ไม่ใช่แค่ใน Luca แต่เป็นหนังทั้งหมดของ Pixar กับรายละเอียดทางงานภาพและงานเสียง Luca เก็บรายละเอียดตรงนี้ได้น่าประทับใจ (เช่นเคย) และสร้างเซอไพรส์ให้เราตลอด การสร้างปิศาจใต้น้ำออกมา และเก็บรายละเอียดของการเป็นปลาได้อย่างครบถ้วน หรือแม้แต่รายละเอียดต่าง ๆ ของมนุษย์ เมืองริมทะเลใน Italy ทำให้ผมสังเกตถึงกระ และเม็ดสีบนตัวของตัวละครได้เลยครับ ตรงนี้ต้องยกให้เขาจริง ๆ ดนตรีของ Luca ก็ดีครับ แต่อย่างที่บอกไป Luca จะออกไปทางบาง ๆ เบา ๆ เหมาะกับทุกคน ดนตรีก็ไปในแนวนั้นเหมือนกัน ไม่ได้กระชากอารมณ์ หรือดันให้เราถึงขีดสุดขนาดนั้น แต่เรียกได้ว่า ไปเสริมเรื่องราวมากกว่า

(ตรงนี้ไม่ใช่ Spoil แต่ใครอ่อนไหว กลัวว่าถ้าอ่านแล้วจะเดาเนื้อเรื่องออก ก็ข้ามย่อหน้านี้ไปก็ได้นะครับ) สิ่งที่ Luca กำลังบอกกับเรา มีหลายเรื่อง เรื่องแรกคือมิตรภาพเป็นสิ่งที่ดี มันทำให้เรามีความสุข และทำให้เรารู้จักการให้ และรู้จักที่จะรัก มิตรภาพที่ดีจะคงอยู่กับเราตลอดไป อีกเรื่องที่สำคัญคือ บนโลกใบนี้มีคนอยู่มาก เราแตกต่างกัน ทั้งที่มาและรูปลักษณ์ มีทั้งคนที่รัก และไม่รักเราในแบบที่เราเป็น ดังนั้น จงอยู่กับคนที่รักเราในแบบที่เราเป็นดีกว่า เพราะชีวิตนี้มันสั้น มันสั้นเกินกว่าจะอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรักเราจริง ๆ

ดีงาม ตามที่กล่าวมาเลยครับ ใครรีบหน่อยก็หาทางดูกันได้นะครับ ทาง Disney+ แต่ถ้าใครไม่รีบ รอดูสิ้นเดือนนี้ ทาง Disney+ Hotstar รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน มีฉากเรียกน้ำตาด้วยนะ รอดูกันได้เลยครับ ไปพบกับความงดงามของ Luca กัน