ชอบเหลือเกิน กับงานที่ถูกนำมาดัดแปลงใหม่ หรือนำมาตีความใหม่ Lupin ก็เป็นซีรี่ส์อีกหนึ่งเรื่องที่เลือกจะหยิบเรื่องราวของสุภาพบุรุษจอมโจร Arsène Lupin ผลงานอันเลื่องชื่อจากปลายปากกาของนักเขียนชื่อดัง Maurice Leblanc ที่ถูกนำมาเล่าใหม่ (หรือได้แรงบันดาลใจ) แบบร่วมสมัยมากขึ้น จึงกลายเป็นซีรี่ส์ Lupin ให้เราได้ดูกัน โดยไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง ได้มีการฉายซีซั่น 2 ของ Lupin ทาง Netflix แล้ว

Lupin ซีรี่ส์สัญชาติฝรั่งเศษ ที่ว่าด้วยเรื่องของจอมโจรมือฉมัง Assane Diop (รับบทโดย Omar Sy) ลูกชายเพียงคนเดียวของชายผู้อพยพมาจากประเทศ Senegal ชื่อว่า Barbakar Diop (รับบทโดย Fargass Assandé) เดินทางมายังแผ่นดินฝรั่งเศษ เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นของเขาเองและลูกชายผู้เป็นที่รัก แต่โชคร้ายที่ Barbakar ถูกจับโดยข้อหาขโมยสร้อยเพชรอันมีค่าของฝรั่งเศษจากเจ้าของ ซึ่งเป็นเจ้านายของเขาเอง Hubert Pellegrini (รับบทโดย Hervé Pierre) ทั้งที่เขาเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ในขณะที่เขาต้องโทษ เขาก็ได้ฆ่าตัวตายเนื่องจากความอับอาย นั่นทำให้ Assane ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า 25 ปีต่อมา Assane ต้องการที่จะหาทางแก้แค้นครอบครัว Pellegrini และทวงความยุติธรรมให้ผู้เป็นพ่อ โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากจอมโจรชื่อดัง Arsène Lupin ใช้ความสามารถพิเศษของเขา ทักษะการปลอมตัวชั้นยอด การขโมย และเลห์อุบายต่าง ๆ เพื่อที่จะเปิดเผยความเลวร้ายของ Pelligrini ให้ได้

แว้บแรกที่ได้ดูเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกเลย นี่มันซีรี่ส์เชอร์ล็อคของช่อง BBC ชัด ๆ หยิบเรื่องเก่ามาทำให้ร่วมสมัย ซึ่งอะไรแบบนี้ผมว่ามันเท่ในตัวของมันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหลงรักเอาง่าย ๆ แต่เรื่องนี้เขาว่าไม่ใช่หยิบเรื่องเก่ามาเล่า แต่เป็นการที่ตัวละครได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือต่างหาก จะยังไงผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ หากเดินเรื่องดี แต่ต้องบอกเลยว่า ประทับใจสุด ๆ ตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้เว่อวังขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้จืดชืดจนน่าเบื่อ ตามสไตล์ของซีรี่ส์ที่มีเนื้อเรื่องหนัก ๆ การค่อย ๆ ให้เราทำความรู้จักตัวละคร ซึมซับแต่ละปมปัญหา นั่นทำให้ Lupin ประสบความสำเร็จในการดึงเราให้ติดอยู่กับเรื่องราว และอินกับตัวละครเอาง่าย ๆ ส่วนตัวเลยคือชอบตรงนี้มากครับ แต่ต้องยอมรับ ว่าเนื้อเรื่องเขาค่อนข้างหนักเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้หนักขนาดซีรี่ส์ใหญ่ ๆ ที่ต้องมานั่งจำชื่อตัวละครอะไรแบบนั้นนะ

ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ผมมองว่าซีรี่ส์ที่มีความหนักขนาดนี้ และต้องดึงคนดูให้อยู่กับมันให้ได้แล้วนั้น Lupin ทำได้ครับ การดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วในตอนแรก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตอนเรียกขา ค่อนข้างรวดเร็วและน่าประทับใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตอนอื่น ๆ จะเอื่อยเฉื่อยจนน่าเบื่อนะครับ ยังคงดำเนินเรื่องได้ดี เร็วบ้างช้าบ้าง ตามสไตล์ซีรี่ส์สมัยใหม่การทิ้งปมต่าง ๆ เพื่อต่อซีซั่น หากผมเองดูตั้งแต่ตอนเขาฉายซีซั่นแรก แล้วต้องรอให้ซีซั่น 2 ฉาย คงจะอกแตกตาย แต่โชคดีที่ผมเพิ่งจะมาดูเอารวดเดียวเลย ซึ่งต่อเนื่องลื่นไหล ไม่ต้องรอนาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทิ้งให้ต่อได้อีก ตรงนี้ขอชื่นชมอย่างมากครับ การจบซีซั่นสองแบบปลายเปิด ที่สามารถต่อไปก็ได้ หรือจะจบเลย ไม่ต่อซีซั่นใหม่ทั้ง ๆ แบบนี้เลย ก็ดีเหมือนกัน ดูไปตรงนี้ก็ทำให้นึกถึง Miney Heise เหมือนกันนะครับ

ซีรี่ส์ Lupin เรื่องนี้ขายตัวละครหลัก หรือก็คือ Assane อย่างชัดเจน ดังนั้นบทที่เด่น ๆ ก็จะเป็นของ Assane Diop หรือจอมโจร Lupin ของเรานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถอันโดดเด่นของเขา เรื่องราวในอดีต ที่เป็นปมปัญหาทำให้เขามาอยู่ในจุด ๆ นี้ได้ รวมไปถึงเรื่องราวในครอบครัวของเขาด้วย ตัวละครนี้เป็นตัวละครที่เก่ง ฉลาดหลักแหลม เรียกได้ว่าเป็นพระเอก และเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งความเป็นคน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น อีกหนึ่งความสุขของการดูซีรี่ส์เรื่องนี้ คือการได้เห็นความเทพของเขา กับการหลอกล่อตำรวจ หรือวายร้ายอย่างเท่ ให้เราได้ยิ้มกันได้ในทุก ๆ ตอน

นอกเหนือจากนั้น Lupin ยังได้มีการสะท้อนถึงปัญหาต่าง ๆ ในสังคมทั่วโลก เรื่องใหญ่ ๆ อย่างการคอรัปชันของตำรวจ หรือการได้อภิสิทธิ์ของผู้มีอำนาจ อีกสิ่งหนึ่งที่ดีเลย คือการเอาคนดำมาแสดงในบทนำของซีรี่ส์เรื่องนี้ อันนี้ผมคิดเอาเองว่าอาจจะเป็นค่านิยมของคนฝรั่วเศษบางกลุ่ม กับการยังไม่ยอมรับในเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์ การเหยียดคนดำ ที่มีให้เห็นได้ในทั้งเรื่อง ซีรี่ส์ Lupin ก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ออกมาให้เราเห็นด้วย ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ Netflix ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว เรียกว่ารักเลยครับ

โดยสรุปแล้ว Lupin เป็นซีรี่ส์ที่คุณควรดูเป็นอย่างยิ่ง ได้ทั้งความมันส์ ได้เห็นความเก่งกาจของสุภาพบุรุษจอมโจร และเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายในเรื่อง ซีรี่ส์ฝรั่งเศษไม่ได้มีให้เราดูกันเยอะนักทาง Netflix เรื่อง Lupin นี้ค่อนข้างน่าประทับใจเลยครับ