Romance is a bonus book (2019) ลุ้นรักฉบับโบนัส เป็นซีรีส์เกาหลีอบอุ่นหัวใจที่เคล้าน้ำตาบ้างในบางช่วง แต่โดยรวมคือฟีลกู๊ดและดีต่อใจ

เรื่องย่อ

Romance is a bonus book (2019) ลุ้นรักฉบับโบนัส ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เป็นเรื่องราว เกี่ยวกับ ชาอึนโฮ (แสดงโดย อีจงซอก) นักเขียนและบรรณาธิการของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์ที่นับถือกันแบบพี่น้องกับคังดันอี (แสดง โดย อีนายอง) อดีตนักเขียนคำโฆษณาฝีมือดีที่ได้ออกจากการทำงานเพื่อดูแลครอบครัว แต่เมื่อเธอกลับมาสมัครงาน บริษัทต่าง ๆ ก็ไม่รับเธอเข้าทำงานเนื่องจากอายุของเธอและการที่เธอห่างหายจากการทำงานมาหลายปี จนวันหนึ่งสำนักพิมพ์ของชาอึนโฮประกาศรับสมัครพนักงานทีมสนับสนุนชั่วคราวโดยไม่กำหนดอายุและประวัติการศึกษา คังดันอีจึงได้เข้าไปทำงานและเรื่องราวความสัมพันธ์ของคังดันอีกับชาอึนโฮก็ได้เริ่มขึ้น

รีวิว

โดยส่วนตัวแล้วจะไม่ค่อยดูซีรีส์รักต่างวัยที่พระเอกอายุน้อยกว่าเนื่องจากไม่อิน สิ่งที่ทำให้ได้มาดู Romance is a bonus book คือพระเอกอีจงซอก (หรือเป็ดน้อยนั่นเอง) ตอนแรก ๆ เรื่องราวจะดำเนินเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ช้าจนเกินไป มันเหมือนว่าซีรีส์ถูกทำออกมาให้เป็นสไตล์นี้ เนื่องจากตอนนั้นกำลังเครียดและต้องการดูซีรีส์เพื่อความสดใสในชีวิต ที่มีพล็อตไม่เครียดแต่ก็ไม่โหวงจนเบาสมองจนเกินไป เป็นแนวอบอุ่นหัวใจและโรแมนติก ซึ่งก็ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ตอนแรกที่ดูไม่ได้คิดว่าจะติดซีรีส์จนต้องดูแบบรวดเดียวจบ ถ้าจะให้บรรยายว่าดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ก็คงต้องบอกว่า “ซีรีส์ดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ ที่รู้สึกเบื่อในบางช่วง แต่พอดูไปซักสองสามอีพีวางไม่ลงจนไม่ได้นอน” ทั้งนี้ก็เพราะความฟีลกู๊ดที่ซีรีส์ได้มอบให้ ซึ่งหากใครเป็นสายที่ชอบดูซีรีส์รักโรแมนติกแล้วล่ะก็ ต้องฟินมากแน่นอน

ซีรีส์จะเปิดเผยเนื้อเรื่องทีละนิดทีละหน่อย กว่าจะรู้ปมหลักของเรื่องก็ต้องใช้เวลาดูไปซักพัก สิ่งที่ซีรีส์เน้นคือความสัมพันธ์ของคนในสำนักพิมพ์ นิสัยและบุคลิกส่วนตัว แม้ว่าตัวละครบางตัวถูกวางให้คนดูเกลียด แต่สุดท้ายแล้วเมื่อมีการเล่าถึงที่มาที่ไปกลายเป็นว่าคนดูเข้าใจตัวละครผิดมาโดยตลอด รวมถึงเนื้อเรื่องที่ดำเนินเรื่องหลักในสำนักพิมพ์ ทำให้ได้เห็นมุมมองอื่น ๆ ที่อาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับการทำงานของสำนักพิมพ์ในการตีพิมพ์หนังสือแต่ละเล่มออกมา ในช่วงท้ายมีความดราม่านิด ๆ ที่ผสมลงไปในซีรีส์ทำให้ซีรีส์ดูมีชีวิตและดำเนินเรื่องราวได้อย่างกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นซีรีส์ฟีลกู๊ดเรื่องหนึ่งที่โครงเรื่องดีที่ทำให้เราประทับใจไปกับเรื่องราวความสัมพันธ์ที่มีเบื้องหลังและที่มาที่ไป

สำหรับใครที่ชอบฉากเลิฟซีน บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มาเต็ม โดยฉากเลิฟซีนในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นฉากเลิฟซีนแบบน่ารัก ๆ ทำให้หัวใจคันยุบยิบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งสายตาแบบเป็นห่วงเป็นใยของชาอันโฮ หรือคังดันอีที่ค่อย ๆ มองชาอึจนโฮเปลี่ยนไปจากน้องชายเป็นคนรักและรอยยิ้มสุดละมุนของชาอันโฮที่สามารถกระชากหัวใจสาว ๆ ให้มากองที่พื้นได้ อาจจะฟังดูเวอร์ แต่ถ้าอยากรู้ว่าฟินจริงมั้ยก็ต้องลองไปดูเองนะ!

(สปอยล์)

สิ่งที่ประทับใจนอกจากความฟีลกู๊ดของ Romance is a bonus book แล้วคือฉากบอกรักของชาอีนโฮที่ไม่ได้บอกตรง ๆ แต่บอกรักโดยนัยซึ่งก็เหมาะสมกับการเป็นนักเขียน โดยฉากนั้นเป็นฉากที่ชาอึนโฮยืนมองพระจันทร์กับคังดันอีและก็พูดขึ้นมาว่า

“พระจันทร์สวยดีนะ”

ซึ่งคังดันอีก็ไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไร  แต่จริง ๆ แล้ววลีที่ว่า “วันนี้พระจันทร์สวยนะ”  ในภาษาญี่ปุ่นนั้นสื่อถึงคำสารภาพรัก ถ้าหากอีกฝ่ายตอบรับคำสารภาพและรู้สึกเช่นเดียวกันก็อาจจะตอบได้ว่า “เพราะเป็นพระจันทร์ที่มองกับเธอ” หากตอบปฏิเสธก็อาจจะตอบได้ว่า “ฉันมองไม่เห็นพระจันทร์เลย”

(สปอยล์)

ก่อนที่คังดันอีจะได้ทำงานที่สำนักพิมพ์นั้น คังดันอีก็ต้องลำบากมาก่อน หากถามว่าลำบากขนาดไหนก็คงต้องบอกว่าลำบากขนาดไม่มีที่อยู่ ขนาดบ้านจะถูกรื้อแต่ก็ยังเข้าไปอยู่ บางครั้งก็ไปนอนที่ซาวน่า บางครั้งก็แอบนอนที่บ้านชาอึนโฮ บางครั้งก็แอบกินข้าวที่บ้านชาอึนโอ แต่ถึงอย่างนั้นนางเอกก็ไม่ลดละความพยายามที่จะหางานตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ส่วนตัวชอบความถึกของนางเอกมาก ถ้าเป็นตัวเองที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากขนาดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ขอให้ใครช่วยเลย โดยทั้งหมดเป็นความลับเพราะคังดันอีไม่อยากให้ชาอึนโอรู้ เพราะถ้าชาอึนโอรู้เขาจะต้องช่วยแบบสุดชีวิต ซึ่งคังดันอีคิดว่าตนก็โตแล้ว ปัญหาของตัวเองก็ควรแก้เอง

ตัวละครที่ชอบที่สุดใน Romance is a bonus book คือชาอึนโฮ พระเอกของเรื่องที่เป็นทั้งนักเขียน บรรณาธิการและอาจารย์สอนนักศึกษา แถมยังหน้าตาดี บุคลิกภูมิฐานอีก เรียกได้ว่าเป็นเสปคพระเอกในอุดมคติของสาว ๆ หลายคน โดยชาอึนโอรักคังดันอีแบบลับ ๆ มานานโดยที่คังดันอีไม่รู้และคิดกับชาอึนโอในฐานะน้องชายมาโดยตลอด ความรักที่ชาอึนโอมีให้คังดันอีนั้นเป็นความรักที่มอบความปรารถนาดีให้คังดันอีได้มีความสุขโดยที่เขาจะอยู่ข้างหลังและคอยสนับสนุน ในฉากงานแต่งเขาก็ไปร่วมแสดงความยินดี แถมยังหัดเล่นเปียโนตั้งหนึ่งเดือนเพื่อที่จะได้มาเล่นในงานแต่ง แม้จะรู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ แต่เชื่อว่าเขาก็คงดีใจเหมือนกันที่ได้อยู่ข้าง ๆ คังดันอีมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าคังดันอีจะแต่งงานและมีลูกไปแล้วหนึ่งคน แต่ชาอึนโอก็ยังคงรักและรอคอยดูแลคังดันอีเสมอแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เพราะเขาก็เข้าใจดีว่าคังดันอีก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้ว่าเขาจะพยายามมีแฟนแต่ความสัมพันธ์ของชาอึนโฮกับผู้หญิงที่เรียกว่าแฟนนั้นก็ไม่เคยไปได้สวย เพราะชาอึนโอเองรู้ตัวดีว่าในใจของเขามีเพียงคังดันอีเสมอมา แม้จะอยู่ในฐานะน้องชายแต่ก็ขอมองคังดันอีอยู่ห่าง ๆ เรียกได้ว่าเขาติดอยู่ในฐานะ brother zone อย่างแท้จริง บุคลิกของชาอึนโฮทั้งในที่ทำงานและสำหรับรุ่นน้องนั้น เขาเป็นคนที่มีบุคลิกที่นิ่งและสุขุม แต่เมื่อเขาอยู่กับคังอันดีเขาก็แปลงร่างเป็นชายหนุ่มวัยน่ารักสดใสและพร้อมที่จะเทคแคร์คังดันอีตลอด ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คงโดนชาอึนโอตกเพราะรอยยิ้มที่สดใสและแสนจะน่ารักน่าหยิกของเขา

(สปอยล์)

ตัวละครที่ประทับใจอีกคนหนึ่งในเรื่อง Romance is a bonus book คือจีซอจุน (แสดงโดย อีฮาจุน) ในเรื่องจีซอจุนเป็นนักวาดภาพประกอบที่หัวทันสมัยและทำงานเก่งจนหลายบริษัทต่างต้องการดึงตัวเข้าไปทำงานด้วย โดยจีซอจุนนั้นเป็นตัวละครที่แค่เห็นแวบแรกก็รู้สึกประทับใจเพราะความมีเสน่ห์ของเขา (ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ) บุคลิกของจีซอจุนจะเป็นผู้ชายที่มีความอบอุ่นและเป็นมิตรกับผู้อื่น แต่ถ้าหากใครมาทำให้เขาไม่ชอบใจเขาก็จะแสดงออกอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ทำให้บางครั้งเขาจะดูเป็นคนหยิ่ง เจ้าเล่ห์ แถมพูดจาห้วน แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจดีและน่ารักคนหนึ่ง ยิ่งเมื่อเขาได้มาทำงานกับซองแฮริน (แสดงโดย จองยูจิน) รุ่นน้องของชาอึนโฮ ก็ทำให้เรื่องราวน่ารักขึ้นไปอีกเพราะทั้งสองคนได้พัฒนาความสัมพันธ์จากคู่กัดเป็นคู่รัก

(สปอยล์)

ในช่วงท้ายมีความดราม่าเล็กน้อย (แต่อาจทำคนดูน้ำตาซึมกันไปหลายคน) เนื่องจากมีประเด็นครอบครัวและความสัมพันธ์ที่เข้าใจผิดของคนในเรื่อง โดยรวมแล้วเป็นซีรีส์ที่องค์ประกอบทุกอย่างดีไปหมดไม่ว่าจะเป็นคู่ของพระเอกหรือคู่อื่น ๆ ในเรื่อง หากสังเกตจะพบว่า Romance is a bonus book จะรายล้อมไปด้วยตัวละครที่มีมิติ ไม่ได้ดีหรือร้ายเกินไป แต่เป็นนิสัยของคนปกติที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป ทุกคนมีปม มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง แต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้เพราะความรับผิดชอบในความผิดของตนเองและความเข้าใจในผู้อื่น เรื่องราวดำเนินโดยมีพื้นหลังของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของผู้คน มิตรภาพและหนังสือ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีเสน่ห์และน่าประทับใจ

(สปอยล์)

ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ซีรีส์ได้ให้ไว้ตั้งแต่ตอนแรก ๆ คือ “การเลือกทำในสิ่งที่ตนเองไม่เสียใจ” เพราะตั้งแต่ต้นนั้นนางเอกรู้สึกว่าเธอไม่สบายใจ เธอจึงหนีออกจากงานแต่ง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องไปงานแต่งเพราะสภาพของเธอบีบบังคับและเธอก็เป็นคนที่จิตใจดีและแคร์ความรู้สึกผู้อื่น ในวันนั้นชาอึนโฮได้ถามคังดันอีว่า “ถ้าไม่อยากกลับ ไม่ต้องกลับไปก็ได้นะ อยากไปที่ไหนเดี๋ยวผมพาไปเอง …ไปสนามบินกันดีไหม ซื้อตั๋วไปไหนก็ได้ที่ซื้อได้ จะไปไหนก็ได้พักซักสองสามเดือน” และคังดันอีในปัจจุบันก็นึกย้อนกลับไปว่าหากวันนั้นเลือกที่จะทำตามที่ชาอึนโฮเสนอชีวิตจะเปลี่ยนไปหรือดีขึ้นกว่านี้ไหม แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเธอจะพอใจกับสิ่งที่เธอเลือกเพราะเธอมีลูกสาวที่น่ารักและเธอก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ สิ่งที่สอนเราได้ในซีนนี้คือการตัดสินใจโดยที่เราไม่เสียใจและไม่เสียดายในภายหลัง เพราะทุก ๆ ครั้งที่เราตัดสินใจเราย่อมต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเสมอ ดังนั้นขอแค่ให้แน่ใจก็พอว่าหลังจากที่เลือกตัวเลือกนั้นไปแล้วจะไม่กลับมาเสียใจในภายหลังและรู้สึกผิดกับตนเองในปัจจุบัน

สรุป

Romance is a bonus book (2019) ลุ้นรักฉบับโบนัส เป็นซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้อบอุ่นหัวใจที่สามารถผูกเรื่องราวความความรักความสัมพันธ์ มิตรภาพ การทำงานและหนังสือได้อย่างลงตัว หากได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วรับรองได้เลยว่าตลอด 16 ตอน ตอนละหนึ่งชั่วโมงตั้งแต่ต้นจนจบทุกคนจะรู้สึกถึงความอุ่นวาบที่เกิดขึ้นในใจและความสุขที่ซีรีส์ได้มอบให้และไม่รู้สึกผิดหวังที่เลือกดูซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยทุกคนสามารถดู Romance is a bonus book (2019) ลุ้นรักฉบับโบนัส ได้ทาง Netflix ค่ะ