Vincenzo (2021) ซีรีส์เกาหลีแนวตลกร้ายเกี่ยวกับทนายมาเฟียที่ต้องมาพัวพันกับการจัดการความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจากอำนาจมืดของเกาหลีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เรื่องย่อ

Vincenzo (2021) ทนายมาเฟียเป็นซีรีส์เกาหลีที่มาแรงมากในช่วงต้นปี โดยเรื่องราวของ Vincenzo จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวินเชนโซ่ กาซาโนผู้เป็นคอนซีลเยเรของมาเฟียอิตาลี (รับบทโดย ซงจุงกิ) ที่เดินทางมาเพื่อจัดการทองที่ซ่อนอยู่ใต้ตึกคึมกาพลาซ่าก่อนที่จะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่เกาะมอลตา แต่ในระหว่างที่เขาจัดการกับเรื่องทองนั้น เขาก็ได้เข้ามาพัวพันกับการทำคดีของทนายฮงยูชานเกี่ยวกับยื่นฟ้องร้องบริษัทบาเบล จนในที่สุดเขาก็ได้ร่วมมือกับทนายฮงชายองเพื่อจัดการกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น

รีวิว

Vincenzo (2021) ทนายมาเฟีย เป็นซีรีส์ที่น่าติดตามตลอดทุกอีพีว่าเรื่องราวจะดำเนินไปทางไหนเพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลย ยิ่งผู้เขียนบทเป็นคนเขียนบทแนวดาร์กคอมเมดี้ด้วยแล้วยิ่งเพิ่มดีกรีความกวนประสาทและความแปลก หากไม่ได้ดูหมวดหมู่ซีรีส์ก็คงจะหลงคิดไปว่านี่เป็นซีรีส์แนวมาเฟียจ๋าและมีปมลึกลับเยอะแยะมากมาย แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้แล้วมันมากกว่านั้น เพราะในความโหดและความเก่งกาจของทนายวินเซนโซ่ที่ไม่ว่าใครก็โค่นไม่ได้ ยังมีมุมน่ารัก มุมโก๊ะให้เห็น ทำให้คนดูหลงรักตัวละครวินเซนโซ่ได้ง่ายและมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการคลั่งรักได้เลย เพราะคาแรคเตอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ทำอะไรทุกอย่างเฟอร์เฟค แต่ในความเฟอร์เฟคนั้นก็ยังมีมุมเปิ่นและมุมน่ารักและด้วยความที่วินเซนโซ่มีอารมณ์ขันแบบแปลก ๆ หรือเรียกว่าความตลกหน้าตายก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะแบบงง ๆ จากผู้ชมได้ด้วย

นอกจากความตลกของคุณทนายแล้ว ก็ยังมีฉากโบ๊ะบ๊ะให้เห็นอีกมาก เรียกได้ว่าฮาท้องแข็งกันเลยทีเดียว หากจะให้รีวิวความรู้สึกตอนดูอีพีแรก ๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าซีรีส์พยายามปูเรื่องให้เรารู้จักตัวละครและด้วยเรื่องเริ่มแรกที่ยังไม่เข้มข้นจึงทำให้คนที่คาดหวังมาดูเนื้อเรื่องแบบโหด ๆ ผิดหวังไปตาม ๆ กัน ในตอนแรกคิดว่าจะเลิกดูตั้งแต่อีพีสองแต่เพื่อนบอกว่าให้ดูไปก่อน พอเริ่มดูถึงอีพีสามก็รู้สึกว่ามันสนุกขึ้นมาเพราะเริ่มมีปมและเรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นจนทำให้วางไม่ลง พอเริ่มกลางเรื่องการเชือดเฉือนระหว่างฝั่งวินเซนโซ่กับฝั่งบาเบลก็เข้มข้นขึ้นประกอบกับความตลกที่สอดแทรกไปแบบพอดีและทำให้ไม่เครียดเกินไป เมื่อใกล้จบก็ลุ้นว่าสุดท้ายแล้วจะจบลงแบบไหนเพราะเดาใจคนเขียนบทไม่ได้เลย ประกอบกับซีรีส์หยุดฉายไปหนึ่งอาทิตย์เพราะต้องการปรับบทใหม่ ทำให้คนดูค่อนข้างคาดหวังกับตอนจบเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วซีรีส์ก็จบลงด้วยดีและอาจเป็นตอนจบที่ดีที่สุดที่มันจะเป็นได้แล้วก็ได้

ในส่วนของเลิฟไลน์ในเรื่อง Vincenzo (2021) ทนายมาเฟีย จะเป็นความโรแมนติกแบบละมุนและต่างฝ่ายก็ต่างไม่แสดงออกอย่างชัดเจนหรือโจ่งแจ้ง แต่ต่างคนก็ต่างรู้ใจกันดี อารมณ์ประมาณ “มองตาก็รู้ใจ” ฉากโรแมนติกในเรื่องจึงเป็นฉากที่ค่อนข้างลึกซึ้งเพราะแสดงออกทางหน้าตา สีหน้าและการกระทำ จะบอกรักกันซักทีก็คือบอกแบบอ้อม ๆ จนทำให้คิดว่าความรักระหว่างพระเอกกับนางเอกในเรื่องนี้เป็นความรักที่ค่อนข้างลึกซึ้งและอาจจะเป็นพาร์ทเนอร์ของกันและกัน คอยสนับสนุนและดูแลกันและกัน

(สปอยล์)

ในช่วงท้ายรู้สึกผิดหวังนิด ๆ กับการที่ตัวร้ายดูไม่มีทางสู้และประธานบาเบลก็ดูเป็นตัวร้ายที่วางแผนไม่แยบยลและไม่ค่อยทำได้ตามแผน เอะอะก็ใช้เงินกับฆ่าคน ดูเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่สูสีกับพระเอกเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องดำเนินมาได้ก็เพราะตัวร้ายนี่แหละ เพราะด้วยความที่ตัวร้ายเป็นคนที่โรคจิตที่อารมณ์แปรปรวนบ่อยมากจนทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่บาเบลมืออำนาจ เส้นสายและผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้มีอำนาจอื่น ๆ ทำให้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว แต่ในท้ายที่สุดพระเอกของเราก็สามารถชนะมาได้ (เทพจริง ๆ ) คนดูหลายคนอาจจะผิดหวังกับสองตอนสุดท้ายของเรื่องเพราะมันดูดรอปลงหากเทียบกับอีพีกลาง ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความคาดหวังที่สูงก็ได้ ส่วนตัวแล้วพอใจกับตอนจบมากเพราะจบแบบแฮปปี้ พระเอกไม่ตายแถมยังได้รักกับทนายฮงชายองอีกด้วย (ถึงแม้จะเป็นความรักแบบระยะไกลมากและไม่สามารถโทรหาหรือติดต่อกันได้ แต่พระเอกก็ส่งโปสการ์ดจากเกาะมอลตามาให้ทุกเดือน) ที่สำคัญคือสัมผัสได้ถึงความจริงจังและความตั้งใจของนักแสดงทุกคน จากที่ไปอ่านเบื้องหลังมาก็พบว่ากองถ่าย Vincenzo นั้นเป็นกองที่นักแสดงทุกคนรักในบทที่ตัวเองได้และภูมิใจมาก เป็นกองที่มีอบอุ่น ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีรีส์ถึงออกมาสนุก

(สปอยล์)

ความตลกของซีรีส์ที่ทำให้คนดูต้องร้อง “อิหยังวะ” ก็มีอยู่หลายฉากเหมือนกัน เช่น ฉากเปิดตัวพระเอกที่ตอนแรกมาแบบเท่ ๆ แต่ตกม้าตายให้คนขับลีมูซีนที่ผสมยานอนหลับในน้ำดื่มและโดนปล้นของไปหมด ความตลกอยู่ตรงที่ว่าใครจะไปคิดว่าคนเขียนบทจะเขียนให้ทนายมาเฟียที่ดูเก่งและดูยิ่งใหญ่โดนโจรธรรมดาปล้นของ แถมตอนท้ายยังไม่มีการตามหาหรือไปล้างแค้นอะไรด้วย ยิ่งรู้ว่าเป็นฉากที่ใส่มาเฉย ๆ ยิ่งทำให้คนดูเพิ่มความรู้สึกอิหยังวะกับซีรีส์เรื่องนี้มากขึ้นแม้จะดูจบไปแล้วก็ตาม  ต่อไปเป็นฉากบนดาดฟ้าที่วินเซนโซ่โดนรุมและอินซากีนกซีจีของคุณทนายเรียกเพื่อนนกมาช่วย คนดูก็คงรู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ และอีกอย่างคือแอบขัดใจที่ฝั่งคนร้ายต่อสู้แบบยืดเยื้อ แบบทำไมไม่ยิงซักที ฉากถือปืนจ่อหัวดูนานเกินไปจนดูไม่สมเหตุสมผล แต่ในใจก็คืออยากดูต่อเลยคิดว่า ซีรีส์อาจจะสโลโมชั่นก็ได้หรือไม่ก็พระเอกยังไม่ถึงคาด อีกฉากนึงคือฉากที่วางแผนให้เอาแมลงเข้าศาลไปต่อยผู้พิพากษา เป็นแผนการที่ครีเอทมากและมีโอกาสล้มเหลวสูงด้วยเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งซีนที่แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนบทต้องการให้วินเซนโว่เป็นตัวเอกที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมากและฉลาด (ครีเอทกว่าพระเอกก็คนเขียนบทนี่แหละ)

(สปอยล์)

ตัวละครในเรื่องมีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจและทำให้ประทับใจไม่น้อย เช่น จางฮันซอน้องของจางฮันซอกประธานบาเบล ที่เปลี่ยนฝ่ายมาอยู่ฝ่ายของวินเซนโซ่ ด้วยความที่จางฮันซอกไม่ได้รับการปฏิบัติแบบให้เกียรติและความอบอุ่นจากพี่ชายเลย เมื่อได้มาคุยกับวินเชนโซ่บ่อย ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าวินเชนโซ่เป็นคนที่ตนเองอยากเคารพเป็นเหมือนพี่ชายคนนึง ฉากที่จางฮันซอตายจึงเรียกความดราม่าของเรื่องได้มาก เพราะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้ตัวละครที่มีคาแรคเตอร์น่ารักและน่าประทับใจตายหรอก แต่อย่างน้อยจางฮันซอก็ได้ตายอย่างแฮปปี้เพราะได้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ

(สปอยล์)

คาแรคเตอร์ของพระเอกถูกสร้างมาให้เป็นคนฉลาด เป็นคนเทพที่ไม่มีใครสามารถโค่นได้ ถึงแม้จะโดนอีกฝ่ายต่อยเข้ามาหลายครั้ง แต่วินเซนโซ่ก็พลิกเกมได้เสมอ แต่นิสัยและความเป็นตัวตนของวินเชนโซ่นั้นเป็นพระเอกที่มีความดาร์กในตัวสูงมาก วินเซนโซ่เรียกตัวเองว่าเป็นขยะที่กำจัดขยะที่เหม็นกว่าหรือเป็นคนชั่วที่กำจัดคนที่ชั่วกว่า การแก้ปัญหาและแผนการในตอนท้าย ๆ จึงเป็นวิธีการที่มีความเลือดเย็นจนทำให้คนดูอึ้ง แต่พอคิดดูแล้วก็เหมาะสมกับสมญานามคอลซีลเยเรของมาเฟีย สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมาก ๆ คือการที่วินเซนโซ่เล่นกับความรู้สึกของคนในการที่เขาต้องการอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการถามหาข่าวจากคนร้าย หรือการวางแผน โดยเขาจะเล่นกับความกลัวของคน อย่างที่เขาบอกว่า “ความอดทนไม่มีที่สิ้นสุด แต่ความกลัวมีจุดสิ้นสุด” นอกจากคาแรคเตอร์ที่มีความเท่และโหดแล้ว ความหล่อใสของพระเอกก็เอาชนะใจคนดูและใจฟูไปกับความน่ารักในบทบาทคุณทนาย เรียกได้ว่าการกลับมาของซงจุงกิในครั้งนี้ไม่แผ่วเลย

หากพูดถึงคาแรคเตอร์ฝั่งตัวร้ายที่ประทับใจก็ต้องเป็นชเวมยองฮีที่มีความเลือดเย็น ขนาดว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในโลกไลท์โหมดปกติเธอยังเลือดเย็นและโหดผิดมนุษย์ สามารถฆ่าแกงคนได้อย่างไม่รู้สึกอะไรมากและเธอยังเป็นคนวางแผนการหลักในฝั่งของตัวร้ายอีกด้วย

(สปอยล์)

อีกหนึ่งตัวละครหลักที่ชอบคือทนายฮงชายองเพราะเป็นนางเอกที่ไม่มีความงี่เง่าเลย ทุกอย่างที่ทำสมเหตุสมผล เธอเป็นตัวแทนของคนที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างไลท์โหมดกับดาร์กโหมด เป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด ฉลาดและมีความแน่วแน่ ถ้าเทียบกับคนทั่วไปก็ถือว่าเป็นคนที่มีความเข้มแข็งมากพอสมควร ซีนที่ประทับใจที่สุดเป็นซีนที่ทนายฮงชายองบอกรักพระเอกด้วยภาษาอิตาลีที่สนามบินด้วยประโยคที่ว่า

“เพื่อนก็เหมือนจิตวิญญาณเดียวกันที่อยู่ในสองร่าง” ซึ่งอาจมาจากคำกล่าวของอริสโตเติลที่ว่า “Love is composed of a single soul inhabiting two bodies” ซึ่งเป็นการบอกรักที่ลึกซึ้ง ทำให้คิดว่าสองคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงคู่รักกันอย่างเดียว แต่เป็นครอบครัวและเป็นบ้านให้แก่กันและกัน

(สปอยล์)

หากถามถึงการตายของคนในเรื่องที่รู้สึกอึ้งสุดคือการตายของฮงยูชาน เพราะอยู่ ๆ รถก็ขับชนอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและตายคาที่โดยที่ไม่มีความหวังว่าจะรอดเพราะหัวฟาดพื้นจนเลือดออกเยอะขนาดนั้น แต่ถ้าหากถามถึงการตายของฝั่งคนร้ายที่ชอบสุดคือการตายของชเวมยองฮีเพราะเธอชอบเต้นซุมบ้าเป็นการออกกำลังกายและทนายวินเซนโว่ก็จัดการให้เธอได้เต้นในวาระสุดท้าย นอกจากจะเป็นการฆ่าคนที่มีความโหดแล้วยังเสริมความครีเอทไปในนั้นด้วย ซึ่งเหมาะสมกับเป็นวินเชนโซ่ดี

(สปอยล์)

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของซีรีส์เรื่องนี้คือการที่มีภาพจำลองของเหตุการณ์ต่าง ๆ จนทำให้แยกไม่ออกว่าเหตุการณ์ไหนจริงหรือไม่จริง เช่น ซีนตึกคึมกาพลาซ่าถล่มในช่วงแรก ซึ่งแปลความได้สองอย่างว่าเป็นภาพในมโนความคิดของวินเซนโซ่กับอาจจะเป็นซีนในอนาคตก็ได้ ทำให้ซีรีส์สามารถสับขาหลอกคนดูได้แบบง่าย ๆ จนทำให้คนดูเดาไม่ได้นั่นเอง

โดยรวมแล้วจุดที่ขัดใจก็มีบ้าง แต่จุดที่สนุกมีมากกว่า แม้ว่าตอนจบอาจจะไม่ใช่ตอนจบที่สุดสำหรับใครหลายคน แต่เชื่อว่าเป็นตอนจบที่ดีและลงตัว จบแบบไม่หักหาญน้ำใจคนดูมากเกินไป สำหรับคนที่อยากได้ตอนจบแบบพระเอกตาย (อย่างเช่นเพื่อนของผู้เขียนเอง) ก็อาจจะผิดหวังนิดหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่น่าดูและน่าติดตาม หากใครยังไม่ได้ดูก็สามารถเพิ่มเข้าไปในลิสต์ได้

สรุป

Vincenzo (2021) ทนายมาเฟีย เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ห้ามพลาดของปีนี้ เพราะเนื้อเรื่องที่น่าสนใจและคาดเดาไม่ได้ตลอดจนภาพที่สวยและสมูทมาก ๆ โดยสามารถดูได้ทาง Netflix รับรองเลยว่าจะไม่ผิดหวังหากตัดสินใจดูเรื่องนี้