ได้ดูกันเสียทีกับหนัง Zack Snyder’s Justice League หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ Justice League Snyder Cut หลังจากที่ตัวผู้กำกับอย่าง Zack Snyder ได้คุยโวเอาไว้เสียตั้งนาน พูดถึงอยู่ตลอด ถึงความดีงามของเวอร์ชันนี้ ล่าสุดทางสตูดิโออย่าง Warner Bros. ก็ได้อนุญาตให้ผลงานชิ้นนี้ลงสตรีมมิงออนไลน์ HBO Max เสียที (ทางบ้านเราจะเป็น HBO GO) จากเวอร์ชันเก่าในปี 2017 ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ที่ตอนนั้นตัว Zack เองมีปัญหาส่วนตัว การจากไปของลูกสาวผู้เป็นที่รัก ทำให้เขาต้องขอถอนตัวจากโปรเจกต์นี้ไป โดยได้ผู้กำกับ Joss Whedon (ผู้ที่เคยกำกับหนัง Avengers: Age of Ultron) มาแทนที่ แต่ท้ายที่สุดก็อย่างที่เราเห็นกัน โปรเจกต์นี้เจ๊งไม่เป็นท่า นั่นทำให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ จากหนังที่เคยคิดว่าจะเป็นตัวชูโรงจักรวาลหนัง DC หรือ DECU ที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อแข่งกับจักรวาล Marvel หรือ MCU (ถึงทางสตูดิโอจะบอกว่าไม่ได้จะแข่งกับใครก็ตาม) จากทุนสร้างกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้เปิดตัวกลับได้เพียง 93.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะในสหรัฐอเมริกา จักรวาลหนังนี้ไม่ได้ไปต่อ หนังเรื่องอื่นที่ตามมาก็พลอยจะเจ๊งไปด้วย แต่หนัง Zack Snyder’s Justice League เวอร์ชันนี้เองได้มาลบคำสบประมาทของจักรวาลหนัง DC ไปจนหมดสิ้น

Zack Snyder’s Justice League เป็นหนังเวอร์ชันที่มีความยาวถึง 4 ชั่วโมง เรื่องราวหลักไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชันที่ฉายในโรงมากนัก ว่าด้วยเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์การสูญเสียบุคคลผู้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความหมหวัง Superman หรือ Clark Kent (รับบทโดย Henry Cavill) นั่นทำให้โลกเกิดความวิตกกังวล เมื่อไร้สิ้นซึ่งความหวังทำให้โลกนี้เปราะบาง ดังนั้น Bruce Wayne หรือ Batman (รับบทโดย Ben Affleck) และ Diana Prince หรือ Wonder Woman (รับบทโดย Gal Gadot) จึงตัดสินใจค้นหาและรวบรวมกลุ่มผู้มีพลังเหนือมนุษย์เพื่อพิทักษ์โลก โดยมีสมาชิกคือ Arthur Curry หรือ Aquaman (รับบทโดย Jason Momoa) Barry Allen หรือ The Flash (รับบทโดย Ezra Miller) และ Victor Stone หรือ Cyborg (รับบทโดย Ray Fisher) ทั้งหมดเป็นทีมที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อพิทักษ์โลก จากภัยที่กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ตามขนบของหนังซูเปอร์ฮีโรเดิม

ถึงจะบอกว่าตามขนบของหนังซูเปอร์ฮีโรทั่วไป แต่หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าแหวกจากขนบเดิมอยู่มาก ที่จริงแล้วต้องบอกว่า ทั้งจักรวาลหนัง DC นี้ทั้งหมดก็จะไปในทิศทางเดียวกันนี้ จะมีอารมณ์และความรู้สึกเป็นของตัวเอง คือไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโรที่เหมาะกับเด็กและครอบครัว แต่จะออกไปทางหนังสำหรับผู้ใหญ่สักหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นเรต R นะ เนื่องจากตัวหนังเวอร์ชันนี้มีความยาวถึง 4 ชั่วโมง ดังนั้นอยากแนะนำว่า คุณควรมีเวลาดูจริง ๆ ถึงหนังเวอร์ชันนี้จะแบ่งเป็น 5 องก์ แต่ผมมองว่า การดูรวดเดียวจบเป็นอะไรที่ควรครับ สำหรับผมสามารถทำได้ เพราะว่าประสบการณ์การชมหนังเรื่องนี้ ไม่ได้น่าเบื่อเลย สามารถดูได้ยาว ๆ รวดเดียวเลย แต่อาจจะยากสำหรับหลายคนสักหน่อย เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด และต้องบอกเลยว่าหนัง Justice League เวอร์ชันนี้ ไม่ใช่หนังที่ย่อยง่ายเอาเสียเลย ไม่ใช่หนังที่สามารถดูเพลิน ๆ ได้ คุณต้องมีเวลาและเตรียมสมองให้โล่ง ๆ เลยล่ะ

นี่คือคำแนะนำของผม อยากให้ลบเรื่องราวของเวอร์ชันเก่าออกไปให้หมด เพราะเวอร์ชันนี้ เรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของ Justice League (เพราะมีออกมาเพียงแค่ 2 เวอร์ชัน) เป็นเวอร์ชันที่ครบ ฉากต่อสู้ดี มีเพิ่มมาจากเวอร์ชันเก่าเยอะอยู่ ตัวละครดูมีมิติขึ้นมาก ทุกตัวละครมีคาแร็กเตอร์ชัดเจน โดยเฉพาะตัวละครที่ผมชอบเป็นพิเศษ Cyborg ทั้งโดดเด่นและมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูหายไปและไม่ค่อยเข้าใจนักในเวอร์ชันเก่า ในเวอร์ชันนี้เพิ่มเติม และอธิบายทุกอย่างออกมาได้อย่างชัดเจน เรื่องของภาพในหนังเวอร์ชันนี้ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นโทนมืด จากเดิมที่มืดอยู่แล้ว คราวนี้มืดกว่าเก่า ตามสไตล์ของ Zack Snyder ซึ่งให้อารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจน ผิดจากเวอร์ชันเก่า แต่อย่างที่บอก ว่าหนังเวอร์ชันนี้ค่อนข้างจะนาน ดังนั้นในบางส่วนอาจมีการดำเนินเรื่องที่ช้าไปบ้าง แต่โดยรวมก็เป็นอะไรที่ยอมรับได้ และออกมาค่อนข้างสมบูรณ์เลยทีเดียว

โดยรวมหนัง Justice League เวอร์ชันนี้ เรียกได้เลยว่ามากูหน้าจักรวาลหนัง DC อย่างแท้จริง และเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว จากจักรวาลที่คิดว่าเจ๊งไปแล้ว ตอนนี้แฟน ๆ หนังหรือแม้แต่แฟนคอมมิค ได้ออกมาเรียกร้องให้คืนจักรวาลหนัง DC นี้ให้ Zack กันอย่างล้นหลาม แต่ทางสตูดิโอผู้สร้างและผู้ให้เงินทุนอย่าง Warner Bros. ก็ออกมาแถลงทำลายความฝันของเหล่าแฟน ๆ ว่าไม่ว่ายังไงจักรวาลหนังนี้จะไม่กลับมาอีกแล้ว ทั้ง ๆที่ตอนแรก Zack วางแผนจะสร้างหนัง Justice League ถึง 3 ภาค ให้เราได้ดูกันยาว ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็จะฟันธงกับเรื่องนี้ไม่ได้เสียทีเดียว ต้องบอกว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะมันได้เกิดขึ้นมาแล้วกับหนัง Justice League เวอร์ชันนี้นี่เอง ที่ตอนแรกทางสตูดิโอก็ยืนยันว่าจะไม่ทำ และไม่อนุญาตให้ฉายแน่นอน แต่พี่ Zack ก็ตื๊อจะทำให้ได้ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เราเห็น เราได้ดูหนัง Justice League เวอร์ชันนี้กันอย่างสมใจทั้งคนทำและคนดู ดังนั้นถึงจะบอกว่าไม่ทำแน่นอน แต่ยังไงก็ตาม อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน ไม่แน่เราอาจได้ดูหนังของจักรวาลนี้ต่อก็ได้