เบบี้ไดรฟเวอร์ จี้ เบบี้ ปล้น (2017) ภาพยนตร์แนวแอ็กชันที่ครบรส ให้ทั้งความสนุกของฉากแอ็กชันและความตื่นเต้นของเนื้อเรื่อง คาแรคเตอร์ของตัวละครที่ทั้งมีเสน่ห์และน่าหมั่นไส้ โดยรวมแล้วถือว่าประทับใจ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ลุ้นจนตัวโก่งเลยทีเดียวว่าเรื่องราวจะจบลงแบบไหน

เรื่องย่อ
เบบี้ไดรฟเวอร์ จี้ เบบี้ ปล้น (2017) เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีนามแฝงว่า “เบบี้” ซึ่งเขามีหน้าที่เป็นคนขับรถเพื่อหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจ เนื่องจากพรสวรรค์ในการขับรถหลบหนีและการพลิกแพลงสถานการณ์ โดยจุดเริ่มต้นของเขาในเส้นทางอาชญากรรมคือการติดหนี้ “ด็อค” ผู้มีหน้าที่เป็นนักวางแผนในการปล้นแต่ละครั้ง ซึ่งเบบี้อยากออกจากวงการและหางานสุจริตทำเมื่อเขาใช้หนี้ด๊อกหมดแล้ว แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เมื่อเขาต้องเข้าไปพัวพันกับการปล้นครั้งใหม่ ซึ่งการปล้นครั้งนี้มีทั้งความตื่นเต้น การหักหลัง การพลิกแพลงสถานการณ์ การเอาตัวรอด เบบี้จะทำอย่างไรเพื่อให้เขารอดจากสถานการณ์เช่นนี้ สามารถติดตามในภาพยนตร์ เบบี้ไดรฟเวอร์ จี้ เบบี้ ปล้น (2017) สามารถรับชมได้ทาง Netflix
รีวิว
เบบี้ ไดรฟเวอร์ (2017) เป็นภาพยนตร์ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง ซึ่งควรจะดูตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว แต่ผู้เขียนเพิ่งมาดูเมื่อปี 2021 แล้วก็รู้สึกประทับใจสมคำร่ำลือ โดยเป็นการดูที่ไม่ได้ศึกษาเนื้อเรื่อง ตัวอย่าง หรือเบื้องลึกเบื้องหลังและที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อน เลยไม่ได้คาดหวังอะไรนอกจากความตื่นเต้นจากภาพยนตร์แนวแอ็กชันที่ควรจะมี ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าฉากแอ็กชันของเรื่องทำได้ดี โดยฉากแอ็กชันจะเป็นพวกการใช้ไหวพริบในการหลบหนี มีการต่อสู้บ้างประปราย แต่เนื้องเรื่องจะเน้นไปที่เบบี้และการขับรถหลบหนีของเบบี้มากกว่าการปล้นซึ่งเป็นภารกิจหลัก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้การปล้นในเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่นและสำเร็จก็คือการหนีตำรวจให้พ้น ทำให้หน้าที่ของเบบี้เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นการฝากชีวิตไว้กับคนคนเดียว ส่วนตัวมองว่าเรื่องจะดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ง่วง รู้สึกว่ามีความอยากดูมากพอที่จะทำให้ดูภาพยนตร์ไปจนจบได้ ถ้าคนที่ชอบฟังเพลงแนวเก่า ๆ ก็อาจจะเคลิ้มไปกับลิสต์เพลงประกอบ
ส่วนตัวมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชม เพราะความน่าดูในเรื่องการผสมหลาย ๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกัน ฉากแอ็กชันที่ดี ความกวน ๆ และคอมเมดี้นิด ๆ ที่ทำให้ภาพยนตร์ดูคูล ๆ และสามารถดูได้สบาย ๆ แต่อย่าคาดหวังมากเกินไป เนื่องจากพล็อตเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก อาจจะทำให้ผู้ชมหลายคนรู้สึกเบื่อและผิดหวังกับเรื่องนี้ได้
(สปอยล์)

ความประทับใจ
ถ้าพูดถึงเรื่องความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องเพลงก็คงไม่ได้ เนื่องจากเพลงที่นำมาใช้ในภาพยนตร์นั้น นอกจากจะเพราะติดหูแล้วต้องไปหาฟังเมื่อดูจบ ช่วยให้ผู้ชมสัมผัสถึงความเป็นตัวตนของตัวเองได้เป็นอย่างดีว่าเบบี้หลงใหลในเพลงและเทปของเขามากแค่ไหน (ทั้ง ๆ ที่เป็นสมัยปัจจุบันที่มีโทรศัพท์แล้วสามารถฟังเพลงจากโทรศัพท์ได้ แต่เบบี้ก็ยังคงทำเพลงใส่เทปและฟังจากเทป สงสัยมากว่าทำให้เบบี้จึงต้องฟังเพลงจากเทป แต่ในภาพยนตร์ไม่ได้อธิบายไว้) ฉากที่เบบี้อัดเสียงคนในทีมเอาไปมิกซ์เพลงนี่เป็นอะไรที่ฮามาก ๆ และคนทั่วไปคงไม่ทำกัน เพราะนอกจากจะเสี่ยงสำหรับคนในทีมแล้วมันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่หลุดโลกที่จะมานั่งมิกซ์เพลงและชิลทั้ง ๆ ที่ตนมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรม
นอกจากเพลงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถผสมผสานความดราม่า ความตลก ย้อนยุค ฉากแอ็กชันที่มีความตื่นเต้นเข้าด้วยกัน ทำให้รู้สึกดูแล้วเพลิน ๆ เพราะความมีเสน่ห์บางอย่างของหนังที่ดึงดูดให้สามารถดูจนจบได้ รู้สึกว่าภาพยนตร์ดีเกินความคาดหวังไว้มาก
สิ่งที่ประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้คือตอนจบที่ดู realistic เนื่องจากเมื่อเบบี้พบว่าเขาและเดบราจนมุมเนื่องจากโดนตำรวจล้อม เขาก็ตัดสินใจที่จะมอบตัวและทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งในตอนแรกเดบราก็เตรียมตัวที่จะสู้ต่อทั้ง ๆ ที่มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะหนีรอด ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็จบแบบแฮปปี้ เข้าที่เข้าทางในแบบของมัน (ถึงแม้ว่าเบบี้จะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ เพื่อที่จะได้ทำตามที่ฝันไว้)
สิ่งหนึ่งที่ชอบและน่าสนใจคือ การใส่ lyrics เล็ก ๆ ไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ตามเพลงที่เบบี้เปิด เช่น ในช่วงเริ่มต้นที่จะเห็นเนื้อเพลงตามผนัง ตามต้นไม้อย่างชัดเจน (มันจะเห็นแบบแวบ ๆ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีการทำแบบนี้อยู่หลายฉาก)
ข้อดีของภาพยนตร์เรื่องนี้คือฉากแอ็กชันที่ดี แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน เช่น การที่พล็อตไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกเบื่อนิด ๆ กับการปูเรื่อง แต่ช่วงหลังคือหลังแทบไม่ติดเก้าอี้เนื่องจากลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนตัวรู้สึกขัดใจที่ด็อคตายง่ายไปหน่อยเนื่องจากว่าเป็นคนที่น่าจะฉลาดที่สุดแล้ว น่าจะคิดหาทางหนีทีไล่ได้

สรุป
เบบี้ไดรฟเวอร์ จี้ เบบี้ ปล้น Baby Driver (2017) เป็นภาพยนตร์ที่มีฉากแอ็กชันที่ดีและมันส์มาก ๆ ส่วนพล็อตเรื่องจะออกแนวเรียบ ๆ ธรรมดาแต่มีความน่าสนใจเนื่องจากความคอมเมดี้กวน ๆ ที่มีตลอดทั้งเรื่อง เป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชมและมันจะไม่ทำให้คุณเบื่ออย่างแน่นอน