เนื่องด้วยการตัดสินใจของ Marvel Studios ที่ได้ทำการ เลื่อนฉาย หนังของตนเองออกไปเกือบทั้งหมด หัวเรือใหญ่ของ MCU อย่าง Kevin Feige ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้ไว้ดังนี้

Kevin Feigeได้อธิบายการตัดสินใจเลื่อนกำหนดฉายหนังของ Marvel Cinematic Universe หลังจากที่มหากาพย์หนังครั้งยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า Infinity Saga ได้จบลง จักรวาลหนัง MCU ก็ได้หยุดพัก โดยไม่ได้มีการปล่อยหนังเรื่องใหม่มาตลอดหลังจากจบเฟส 3 อย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเข้าเฟสที่ 4 และด้วยการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ก็ยิ่งเพิ่มระยะห่างนั้นเข้าไปอีก แฟรนไชส์นี้จึงจำเป็นที่จะต้องขยายช่วงเวลาการปล่อยหนังออกไปอีก แต่แล้วสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้อะไรแย่หนัก เพราะนั่นทำให้ Marvel Studios สามารถมุ่งเน้นไปที่ตารางการฉายทาง Disney+ กับซีรี่ส์หลายตอนหลายเรื่องที่กำลังค่อย ๆ เติบโต ก่อนการเปิดตัวหนังใหญ่
หากยึดของเมืองนอกเป็นหลัก ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม กับหนังเรื่อง Black Widow ซึ่งเป็นการเปิดตัวพร้อมกันทั้งในสตรีมมิงอย่าง Disney+ และในโรงหนัง และนั่นก็ทำให้เกิดข้อโต้เถียงยิ่งใหญ่ ใน Disney+ จะใช้ระบบที่เรียกว่า Premier Access คือการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ดูหนังเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกันนี้ ในช่วงเดือนกันยายน ก็ได้มีการเปิดตัวฮีโร่คนใหม่ กับหนังเรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings โดยไม่ได้ใช้กลยุทธ์เดิมอย่างระบบ Premier Access แล้ว ในเดือนหน้าก็จะถึงการเปิดตัวหนังอีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือหนังเรื่อง Eternals ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น หนังหลายต่อหลายเรื่องเริ่มกลับมาเข้าฉายตามกำหนดและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทาง Marvel ก็ได้ประกาศ เลื่อนฉาย หนัง 5 เรื่องออกไป รายชื่อหนังที่ได้รับการเลื่อนฉายออกไปทั้งหมดได้แก่ Doctor Strange in the Multiverse of Madness, Thor: Love and Thunder, Black Panther: Wakanda Forever, The Marvels และ Ant-Man and the Wasp: Quantamania
นับตั้งแต่มีข่าวนี้ออกมา ผู้คนก็ต่างตั้งคำถามว่า เหตุใดทางสตูดิโอจึงเลื่อนใช้หนังล่าเหล่านี้ออกไป เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ความล่าช้านี้เกิดขึ้น Kevin Feige ได้พูดคุยกับ Variety ในระหว่างการฉายหนังรอบปฐมทัศน์ใน Los Angeles ของ Eternals โดยได้บอกไว้ว่า ส่วนใหญ่เหตุผลเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต และเนื่องจากเรามีช่องที่เลือกหนังไปลงได้เป็นจำนวนมาก เราจึงเปลี่ยนแปลงช่องเหล่านั้นได้ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์เต็ม ๆ ไว้ดังนี้
จากรายงานก่อนหน้านี้มีการอธิบายว่า ความล่าช้าส่วนใหญ่เหล่านี้เกิดจากการจัดการตารางการผลิตของหนังแต่ละเรื่อง เป็นที่น่าสังเกตว่า การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบไม่ใช่แค่หนังในเครือของ Marvel Studios เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสตูดิโออื่น ๆ หรือหนังเรื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในเครือ Disney อีกหลาย ๆ เรื่อง โดยกรณีดังกล่าวเหล่านี้ เกิดขึ้นทั่วทั้งบริษัท และไม่ใช่กรณีเฉพาะสำหรับ Marvel Studios อย่างหนังของทาง Marvel เอง ถึงแม้ว่าหนังหลายต่อหลายเรื่องจะเสร็จสิ้นกระบวนการถ่ายทำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หนังดังกล่าวก็ยังต้องใช้เวลาอย่างมากในขั้นตอนอื่น ๆ ตลอดกระบวนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังหลายเรื่องที่มีเอฟเฟกต์มาก และใช้การตัดต่อค่อนข้างเยอะ สิ่งเหล่านี้หักล้างกับสิ่งที่หลายคนกังวล เกี่ยวกับการเพิ่งให้หนังหลายเรื่องกลับมาฉายในโรงหนังหลังจากเป็นช่วงฟื้นตัวในอุตสาหกรรมหนัง ทำให้รายได้ไม่ได้เป็นไปตามเป้า สำหรับทาง Marvel Studios แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนักที่จะเลื่อนหนังหลายเรื่องให้เกิดความล่าช้าขึ้นเล็กน้อย เพราะทางสตูดิโอเองมีช่องที่เลือกให้หนังไปลงได้ในรอบปีอยู่มาก อีกอย่างหากเลื่อนหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้มีความล่าช้าออกไปโดยไม่ทำการเลื่อนทั้งหมด นั่นจะส่งผลกระทบต่อยิ่งใหญ่ เพราะหนังแต่ละเรื่องมีความเชื่อมโยงกันอยู่ตลอด
แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้แฟน ๆ ของ Marvel ที่ตั้งหน้าตั้งตารอหนังใหม่ ๆ ที่ออกฉายห่างกันในช่วงเวลาหลายเดือนหงุดหงิดก็ตาม แต่ก็เป็นอะไรที่วิน-วินสำหรับทุกฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับหนัง ผู้สร้างหนังจะมีเวลามากขึ้นในการขัดเกลาหนังเรื่องต่าง ๆ ของตนเอง แทนที่จะเร่งรีบเพื่อให้ทันกำหนดเปิดตัวหนัง และหากเป็นอย่างนั้นจริง ท้ายที่สุดแล้วคนดูอย่างเราจะเป็นคนที่ผิดหวังมากที่สุด การที่มีตารางงานที่ไม่ได้แน่นมากนักแบบนี้ สิ่งที่ดีคือ Marvel Cinematic Universe จะคงสร้างเรื่องราวที่ทำให้เราประทับใจและเต็มอิ่ม รวมกับการฉายซีรี่ส์ทาง Disney+ ดังนั้นในตอนนี้ เราก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างมีความหวัง กับหนังเรื่องต่อไปของ MCU ในระหว่างนั้นก็มีซีรี่ส์ให้เราดูกันเพลิน ๆ ก่อนที่จะดูหนังใหญ่ อย่างในช่วงเดือนหน้าก็จะมีซีรี่ส์ Hawkeye ให้เราได้ดูกันแล้ว