ในช่วงหลายปีมานี้ เราจะเห็นหนังหรือซีรี่ส์ที่ทำมาจากหนังสือกันอยู่บ่อย โดยเฉพาะหนังหรือซีรี่ส์ที่ทำมาจากวรรณกรรมเยาวชนแนวแอ็กชันแฟนตาซี แต่ไม่ว่าแนวนี้จะทำออกมามากมาย แต่ก็ยังได้รับการตอบรับ และเสียงวิจารณ์ไปในทางที่ดีเสมอ นี่ก็คือหนึ่งผลงานที่สำหรับผมนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว เป็นผลงานใหม่จากสตรีมมิงดัง Netflix นั่นคือซีรี่ส์ Shadow and Bone หรือในชื่อภาษาไทย ตำนานกรีชา

Ben Barnes and Jessie Mei Li in Shadow and Bone (2021)

Shadow and Bone เป็นซีรี่ส์ที่มีความยาวอยู่ที่ประมาณตอนละเกือบหนึ่งชั่วโมง มีทั้งหมดแปดตอน แต่เดิมแล้วเป็นหนังสือไตรภาคจากนักเขียนชื่อ Leigh Bardugo โดยหนังสือเล่มแรกใช้ชื่อเดียวกับชื่อเรื่อง เล่มที่สองชื่อ Siege and Storm และเล่มที่สาม Ruin and Rising โดยเนื้อหาในซีรี่ส์จะครอบคลุมเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น และเนื่องจากกระแสตอบรับค่อนข้างดี คาดว่าเราอาจจะได้ดูภาค 2 และภาค 3 กัน

Archie Renaux and Jessie Mei Li in Shadow and Bone (2021)

เนื้อหาในซีรี่ส์ Shadow and Bone ว่าด้วยเรื่องของ Alina Starkov (รับบทโดย Jessie Mei Li) และ Malyen Oretsev (รับบทโดย Archie Renaux) สองเด็กกำพร้าที่เติบโตมาด้วยกัน ทั้งสองได้เข้าร่วมกองทัพของ Ravka ในขณะที่ Mal (Malyen) ได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมขึ้นเรื่อไปในดินแดนที่เรียกว่าแดนพยับเงา เป็นดินแดนแห่งความมืดที่เต็มไปด้วยปิศาจ แดนที่อยู่กึ่งกลางของ Ravka แบ่ง Ravka ออกเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตก Alina กลัวว่าจะต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญของเธอไป จึงหาทางทุกทางเพื่อที่จะได้ขึ้นเรือลำนั้นด้วย เธอทำสำเร็จ ในขณะที่อยู่ในดินแดนพยับเงา ปิศาจ (Volcra) ได้โจมตีเรือ และเพื่อปกป้อง Mal ตอนนั้นเอง Alina ได้ค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง ในการเป็นกรีชา กรีชาคือผู้ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่รอบตัว หรือผู้คนให้ออกมาเป็นรูปร่างคล้าย ๆ เวทมนตร์ (ในเรื่องใช้คำว่า “ปฐมศาสตร์”) ผลปรากฏว่าเธอมีพลังในการเรียกแสง ซึ่งดูเหมือนว่าพลังนี้เป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าของในอาณาจักร Ravka ที่จะสามารถทำลายดินแดนพยับเงาได้

Jessie Mei Li in Shadow and Bone (2021)

อย่างที่บอกไป ว่าเราได้เห็นซีรี่ส์หรือหนังแนวนี้กันเยอะมากในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็น The Witcher เรื่องราวของนักล่าปิศาจ ที่ถูกสร้างไปเป็นเกมด้วย หรือถ้าเก่าหน่อย ทำให้ผมนึกถึง The Lord of the Rings รวมไปถึง The Hobbit เรื่องราวของ Hobbit ที่เดินทางนำแหวนแห่งราชาไปทำลายทิ้ง และอีกหลาย ๆ เรื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ผมไม่เคยเบื่อกับเรื่องราวเหล่านี้ เพราะมันเป็นพล็อตที่เราสามารถเสพได้ตลอด ไม่เคยเก่า ไม่ว่าจะเอามาดัดแปลงในรูปแบบไหนก็ตาม เราเรียกพล็อตแบบนี้ว่า Hero’s Journey หรือ “การเดินทางของฮีโร” แต่ด้วยเรื่องราวเหล่านี้ถูกนำมาเล่าบ่อยแล้ว ผู้เขียนจึงมีการเปลี่ยน ปรับ และเล่าเรื่องในแบบของตนเอง บวกกับความใหม่ของยุคสมัย นั่นทำให้ Shadow and Bone นั้นเป็นซีรี่ส์ที่สนุกและน่าติดตามต่ออย่างไม่ต้องสงสัย

Jessie Mei Li Alina in Shadow and Bone (2021)

โดยภาพรวมแล้ว ผมมองว่าซีรี่ส์เรื่องนี้มีหลายอย่างที่ครบครันอยู่ในตัว ในตัวเนื้อหานั้นค่อนข้างหนัก ตามสไตล์ของซีรี่ส์ใหญ่ ๆ ต้องมีการปูเรื่องราวของดินแดน Ravka ไหนจะเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่ค่อนข้างซับซ้อน หากดูในช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสักนิด แต่ผมมองว่ามันก็สมควรเป็นอย่างนั้น เพราะอย่างที่บอกไป ว่าเรื่องราวมันค่อนข้างหนัก หากปูพื้นไว้แบบบาง ๆ อาจทำให้เป็นเรื่องราวที่กลวง ๆ ก็ได้ ในเรื่องของแอ็กชันไม่ได้มีมาก ไม่ได้หนักไปทางนั้น อย่างว่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของกรีชา ที่ใช้ศาสตร์ที่เกือบจะเหมือนเวทมนตร์ ถึงจะมีเรื่องราวที่ไม่ใช่เวทมนตร์อยู่บ้าง แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมไม่มีฉากแอ็กชันมากนัก อีกเรื่องคือตัวละคร แต่ละตัวมีที่มาที่ไป ไม่สะเปะสะปะ ถึงจะมีการดำเนินเรื่องราวหลายเรื่องราวไปพร้อม ๆ กัน แต่ทุกตัวละครไม่ได้ดูไร้มิติแต่อย่างใด บางตัวละครที่ไม่ค่อยจะมีบทบาทมากนัก คาดว่าจะถูกเล่าออกมาในซีซันต่อไป ซีรี่ส์นี้ปูให้หลายตัวละครสามารถที่จะทำอะไรต่อได้เยอะ ดังนั้นในฐานะผู้ชม รอชมกันให้ได้เลย

Kit Young, Freddy Carter, and Amita Suman in Shadow and Bone (2021)

อีกเรื่องที่อยากพูดถึง คือ การใส่ความร่วมสมัยลงไปในซีรี่ส์เรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น การที่ตัวเอกของเราอย่าง Alina เป็นลูกครึ่ง Ravka-Shu Han (Shu Han ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ น่าจะเปรียบเสมือนได้กับเชื้อสายเอเชียในปัจจุบัน) นั่นทำให้ถูกคนทั่วไปรังเกียจ และไม่เป็นที่ยอมรับนัก เปรียบได้กับการไม่ยอมรับเชื้อสายเอเชียในปัจจุบัน การดูถูกเหยียดหยาม หรือการถูกขับให้ไปอยู่ท้ายสุด อีกสองประเด็นคือ การที่มีตัวละคร LGBT อยู่ในเรื่อง และการมีคนดำอยู่ในเรื่อง หรือแม้แต่ตัวละครเชื้อสายอินเดียอย่าง Inej Ghafa (รับบทโดย Amita Suman) ในเรื่องใช้คำว่าชาว Suli นั่นทำให้ซีรี่ส์นี้แลดูร่วมสมัยและยอมรับในความหลากหลายเป็นอย่างมาก สำหรับผมแล้วการจะนำเสนอหรือเล่าเรื่องไหน ๆ ก็ตาม การจะสื่อสารกับคนดูและพยายามขับเคลื่อนสังคมให้ยอมรับและทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สื่อทุกสื่อควรทำ เรียกได้ว่าเป็นงานร่วมสมัยงานหนึ่งเลยก็ว่าได้

Kit Young in Shadow and Bone (2021)

ซีรี่ส์เรื่องนี้เพิ่งจะฉายลงใน Netflix หากใครสนใจแนวเวทมนตร์ บวกแอ็กชัน กับเรื่องราวหนัก ๆ ผมขอแนะนำซีรี่ส์เรื่องนี้เลยครับ ดีงาม และไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ