Jason Blum CEO ของ Blumhouse ได้คาดการณ์ถึงแนวทางของหนังสยองขวัญเรื่องต่อไปในอนาคต โดยบอกว่า ต่อไปนี้หนังสยองขวัญของพวกเขาจะสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน

หนังสยองขวัญของ Blumhouse Daniel Kaluuya in Get Out

Jason Blum CEO ของ Blumhouse ได้พูดถึงอนาคตของหนังสยองขวัญ Jason Blum ได้สร้างหนังหลายร้อยเรื่องในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา และนั่นทำให้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่มีผลงานมากที่สุดใน Hollywood เขาได้ก่อตั้งบริษัท Blumhouse ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชันที่เน้นไปในหนังแนวสยองขวัญ ตั้งแต่หนังขนาดเล็กทุนน้อยไปจนถึงหนังที่มีงบประมาณสูงหรือหนังใหญ่ ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Blumhouse ได้กลายมาเป็นขุมทรัพย์ และขุมพลังแห่งหนังสยองขวัญที่มีคุณภาพ ผลงานล่าสุดของ Jason Blum ได้แก่ หนังไตรภาคใหม่ Halloween และหนังที่กำลังจะมาถึงของ Scott Derrickson อย่าง The Black Phone รวมถึงหนังเรื่อง The Forever Purge, Freaky และภาคต่อของหนัง Paranormal Activity และ The Exorcist อีกทั้งยังมีโปรเจกต์อื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

ในการพูดคุยกับ CBR โปรดิวเซอร์หนังอย่าง Jason Blum ได้ทำการคาดการณ์แนวทางของหนังสยองขวัญที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เขาได้มีการพูดถึงแนวโน้มถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป และได้แบ่งหนังสยองขวัญนี้ออกเป็น 2 ประเภทย่อยอีกที ซึ่งเขามองว่าประเภทย่อยหนังนี้ เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมในแนวทางของหนังสยองขวัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา Jason Blum กล่าวว่า หนังสยองขวัญทุกวันนี้จะแบ่งเป็น 2 แนวทางอย่างชัดเจนคือ แนวเหนือธรรมชาติ และแนวที่มีความสมจริง และยังได้กล่าวอีกว่า แนวโน้มในปัจจุบันของหนังสยองขวัญจะมุ่งเน้นไปในด้านของความสมจริงและความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงทางกายภาพ มากกว่าความสยองขวัญที่มีความเหนือธรรมชาติ โปรดิวเซอร์คนนี้ยังได้กล่าวอีกว่า ความสยองขวัญในหนังสยองขวัญปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม และเขาเชื่อว่าแนวโน้มต่อไปที่จะเกิดขึ้น จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผู้คนกักตัวจากการระบาดใหญ่ เนื่องจากการที่ผู้คนมีเวลามากขึ้น บวกกับการขังตัวเองอยู่ในบ้าน การกระทำเหล่านั้นจะนำไปสู่ “เรื่องเล่าดี ๆ” ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์เหล่านี้ และนี่คือคำพูดทั้งหมดของเขา

“เพนดูลัมของหนังสยองขวัญมักจะแกว่งไปมาระหว่างแนวเหนือธรรมชาติและแนวที่มีความสมจริงมาก ผมคิดว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ในหนัง Halloween กับ The Forever Purge เราได้ค้นพบว่า เราใส่ผีลงในหนังน้อยลง และเพิ่มความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงมากขึ้น แต่มันก็จะเหวี่ยงกลับไปสู่ที่เดิมของมันแน่นอน และนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ความน่าสนใจของหนังสยองขวัญก็คือ เรื่องเหล่านี้มันจะสะท้อนถึงเหตุการณ์ หรือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน ผมจะไม่ได้ทำหนังเกี่ยวกับเรื่องของโรคระบาดหรอก แต่ผมคิดว่าทุก ๆ คนในตอนนี้อยู่กับบ้าน และการอยู่บ้านเป็นเวลานาน ๆ นั้นจะทำให้เกิด “เรื่องเล่าดี ๆ” เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจะตั้งตารอ นั่นคือหนึ่งสิ่งที่ผมคิดว่าจะทำเร็ว ๆ นี้”

หนังสยองขวัญของ Blumhouse David Gordon Green in Halloween Kills

เมื่อไม่นานนี้ Jason Blum เพิ่งฟื้นคืนชีพให้กับแฟรนไชส์หนัง Halloween ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังไตรภาค กับหนัง Halloween ในปี 2018, Halloween Kills ในปีนี้ และ Halloween Ends ในปี 2022 การกลับมาของแฟรนไชส์หนังใหญ่ต่อไปของเขาคือเรื่อง The Exorcist ซึ่งจะเป็นการรีบูทหนังชื่อดังแห่งปี 1973 ของผู้กำกับ William Friedkin หนัง The Exorcist ภาคใหม่นี้จะได้ผู้กำกับ David Gordon Green จากหนัง Halloween มากำกับ และนำแสดงโดย Leslie Odom Jr. และ Ellen Burstyn นอกจากนั้น Jason Blum ยังมีงานดัดแปลงของนักเขียนชื่อดัง Stephen King เรื่อง Firestarter อยู่ด้วย ซึ่งเป็นการนำมาสร้างใหม่หลังจากเคยสร้างเป็นหนังแล้วครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับการนำเกมสุดสยองขวัญมาดัดแปลงเป็นหนัง Five Night At Freddy’s

แนวทางของ Jason Blum ในการสร้างหนัง และพัฒนาหนังอย่างรวดเร็วนี้เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Blumhouse ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการช่วยให้สตูดิโอของเขาสร้างหนังเรื่องหนึ่งมาจนสำเร็จเสร็จสิ้น โดยไม่ปล่อยให้ไอเดียหรือแนวคิดต่าง ๆ ทิ้งไว้ตรงนั้นอย่างไรประโยชน์ พอนานวันเข้าก็จะลืมไอเดียนั้นไปเสีย แล้วโปรเจกต์ต่าง ๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้น ดูเหมือน Blumhouse จะไม่ได้เป็นแบบนั้น แนวคิดนี้เองของ Blumhouse เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างสอดคล้องกับทฤษฎีหนังสยองขวัญใหม่ของเขา ที่จะเป็นหนังสยองขวัญที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ หากลองคิดดี ๆ การต้องกักตัวอยู่คนเดียวในบ้านก็เป็นอะไรที่น่ากลัวไม่น้อย การที่เราได้เห็นข่าวใด ๆ หรือเรื่องร้ายใดเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้เราเกิดความตื่นกลัว ความหวาดระแวง และความตระหนกได้ นอกเหนือจากที่ Blumhouse ต้องการที่จะใช้เรื่องราวเหล่านี้มาในแนวของหนังสยองขวัญ หากมันสำเร็จ นี่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนทำหนังรุ่นต่อ ๆ ไป ก้าวเดินตามแนวทางสยองขวัญของ Blumhouse ไม่แน่มันอาจจะกลายมาเป็นจิตวิญญาณแห่งวัฒนธรรมหนังสยองขวัญใหม่ก็เป็นได้