Paramount Pictures ได้แต่งตั้ง Brian Robbins ขึ้นเป็น CEO คนใหม่ของสตูดิโอ และมีรายงานว่าในขณะนี้พวกเขากำลังเปลี่ยนโฟกัส จากการให้ความสำคัญกับหนังในโรงหนัง เป็นการให้ความสำคัญกับหนังในบริการสตรีมมิง Paramount+

ในขณะนี้ Paramount Pictures ได้แต่งตั้ง CEO คนใหม่ Brian Robbins ที่มีรายงานว่า ทางสตูดิโอกำลังจะให้ความสำคัญกับหนังที่จะฉายในสตรีมมิง Paramount+ มากกว่าที่จะโฟกัสหนังที่ฉายในโรงหนัง Brian Robbins อดีตหัวหน้าของ Nickelodeon จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Paramount Pictures แทน Jim Gianopulos อดีต CEO ที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงปี 2017 ตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่นี้ ได้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงการหนังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ Disney เข้าซื้อกิจการของ Marvel และ Dreamworks Animation ที่ย้ายไปอยู่กับ Twenty century Fox ในปี 2016 นั่นทำให้ Paramount Pictures ทำรายได้ใน Box Office ไม่ได้ดีนัก ตัวอย่างหนังเรื่อง Star Trek Beyond, Ben-Hur และ Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows
แต่ดูเหมือนช่วงนี้ทางสตูดิโอ Paramount Pictures กำลังจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นด้วยแฟรนไชส์ใหม่ เช่น A Quiet Place และ Sonic the Hedgehog แต่ด้วยการระบาดของ COVID-19 ทำให้สตูดิโอต่าง ๆ รวมถึง Paramount Pictures ต้องดิ้นรนพอสมควรเพื่อให้ได้มีหนังฉายในโรงหนัง แม้ว่าทางสตูดิโอ Paramount Pictures จะประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดตัวหนัง A Quiet Place Part II ในโรงหนัง แต่ถึงอย่างนั้นทางสตูดิโอก็ได้ขายสิทธิ์การฉายหนังหลายเรื่องให้กับบริการสตรีมมิงต่าง ๆ เช่น หนังเรื่อง Trail of the Chicago 7 ที่ขายให้กับ Netflix และ The Tomorrow War ที่ขายให้กับ Amazon ทาง Paramount Pictures ยังได้ทำการเปิดตัวหนัง Spongebob: Sponge on the Run และ Infinite เฉพาะในบริการสตรีมมิง Paramount+ เท่านั้น และหนังเรื่อง Paw: Patrol The Movie ก็มีแผนที่จะฉายทั้งในระบบสตรีมมิง และในโรงหนังแบบปกติ แต่ในสตรีมมิงจะฉายหลังจากที่ฉายในโรงหนังไปแล้วกว่า 45 วัน
รายงานจาก THR ระบุว่า Brian Robbins จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ที่ Paramount Pictures ด้วยประสบการณ์ทำงานของเขา กับการทำงานหลายโปรเจกต์ที่มุ่งเน้นโปรเจกต์ที่ขายเยาวชน และงานถนัดของเขาคือการทำงานให้กับสตรีมมิงต่าง ๆ เขายังไม่ได้มีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงระดับ A มากนัก อย่าง Tom Cruise หรือ John Krasinski เนื่องจากผลงานส่วนใหญ่ของเขาเป็นหนังที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก หรือไม่ได้ดังขนาดเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นงานรีเมค หรือหนังตลกต่าง ๆ จากรายงานของ Paramount Pictures ได้ระบุว่า จะใช้ความถนัดเหล่านี้ของ Brian Robbins โดยจะให้ความสำคัญกับการปล่อยหนังลงบนสตรีมมิง Paramount+ มากกว่า
สิ่งที่น่าสนใจของ Paramount Pictures ก็คือ ทางสตูดิโอมีแนวโน้มที่ดีกับการพัฒนาโปรเจกต์ Live-Action และแอนิเมชันต่าง ๆ อย่างโปรเจกต์ Transformers: Rise of the Beasts ที่ฉายไปเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2011 ทางสตูดิโอยังมีหนังแอนิเมชันที่เน้นไปที่การเล่าเรื่องต้นกำเนิดของ Cybertron โดยผู้กำกับ Josh Cooley ผู้กำกับแอนิเมชันเรื่อง Toy Story 4 อีกทั้งยังมี Seth Rogen และ Even Goldberg ที่กำลังพัฒนาหนังแอนิเมชัน Teenage Mutant Ninja Turtles ที่จะเข้าฉายในวันที่ 11 สิงหาคม 2023 ในขณะเดียวกัน Colin Jost และ Casey Jost กำลังพัฒนาหนังคนแสดง Teenage Mutant Ninja Turtles Heroes in a Half-Shell เป็นไปได้ว่าหลายโปรเจกต์ที่กล่าวมานี้ทาง Paramount Pictures ตั้งใจที่จะทำเพื่อให้เป็น Original Content เพื่อฉายในบริการสตรีมมิง Paramount+
เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ได้รับการยืนยันว่าทางสตรีมมิง Paramount+ จะเปิดตัวหนังที่เป็น Original Content ของตนเองสัปดาห์ละประมาณ 1 เรื่องในปี 2022 นี่เองเป็นสาเหตุให้ทาง Paramount Pictures ได้ดึงหนังหลายเรื่องออกจากผังการฉายอย่างหนังเรื่อง Clifford the Big Red Dog หรือการเปลี่ยนตารางการฉายหนัง ใหญ่หลายเรื่องลงมาสู่บริการสตรีมมิง อย่าง Top Gun: Maverick, Mission : Impossible 7 และ Jackass: Forever ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Top Gun: Maverick และหนังเรื่อง Mission : Impossible 7 จะเป็นหนังที่ได้นักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง Tom Cruise ซึ่งเป็นผู้แสดงหลัก ย้ายมาอยู่ในบริการสตรีมมิง ทั้งที่มีความเสี่ยงสูงขนาดนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่าParamount Pictures ตั้งใจที่จะนำเงินที่มีไปลงกับบริการสตรีมมิงจริงๆ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการตัดโอกาสของตนเอง ที่จะนำเอาผู้กำกับชื่อดัง Christopher Nolan มาอยู่ในมือของสตูดิโอ (เนื่องจากผู้ Christopher Nolan ไม่ได้ชอบใจกับการให้หนังไปอยู่ในสตรีมมิงนัก) ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้น และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสตูดิโอที่เก่าแก่ที่สุดของสงการหนังสตูดิโอนี้ จะว่าไปแล้ว ในยุคสมัยนี้ ไม่ใช่แค่เพียง Paramount Pictures ที่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทั้งอุตสาหกรรมหนังโดยรวมจะต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย