Can’t Write !? ชีวิตไม่มีบท (2021) ซีรีส์คอมเมดี้ขนาดสั้นจากประเทศญี่ปุ่น ที่ฉายทางทีวีญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ทางช่อง TV Asahi โดยมีนักแสดงนำอย่าง โทมะ อิคุตะ ร่วมแสดงด้วย โดยเป็นซีรีส์ครอบครัวอารมณ์ดีที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยและมีเนื้อเรื่องที่สบาย ๆ โทนอบอุ่น
เรื่องย่อ
Can’t Write !? (2021) ชีวิตไม่มีบท เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เคย์สุเกะ โยชิมารุ ที่ออกจากงานประจำมาเป็นนักเขียนบทให้ละครทางทีวี แต่โชคไม่ดีนักที่เขาไม่ได้เป็นนักเขียนที่มีชื่อ จึงมีหน้าที่หลักเป็นพ่อบ้านให้กับครอบครัว โดยผู้รับผิดชอบรายได้หลักของครอบครัวคือภรรยาของเขา นามิ โยชิมารุ เป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง แต่แล้วในวันหนึ่งก็ได้มีคนติดต่อให้เขาเขียนบทละครทีวีทั้งเรื่อง! ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเคย์สุเกะ แต่เขาติดปัญหาตรงที่ว่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเองว่าจะสามารถเขียนบทละครเรื่องนี้จบด้วยตัวคนเดียวได้และคิดว่าเกินความสามารถ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็รับงานเพราะมันอาจเป็นโอกาสเดียวที่เข้ามาก็ได้ ท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตเคย์สุเกะ ในขณะที่ เอริกะ โยชิมารุ ลูกสาวก็เริ่มมีความสงสัยว่าพ่อแท้ ๆ ของตนเองคือใคร จึงได้พยายามตามหาทางอินเทอร์เน็ตและปิดเรื่องนี้เป็นความลับจากคนในครอบครัว

รีวิว
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตัดสินใจดูเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพระเอกคือ โทมะ อิคุตะ ที่ได้ฝากผลงานภาพยนตร์ไว้หลายเรื่อง เช่น คุณครูวิชาประวัติศาสตร์สุดเนี้ยบจากเรื่อง Sensei! หรือบทบาทชิเบะ มิซึรุ จากภาพยนตร์เรื่อง My Story is Long เป็นต้น ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวครอบครัวที่ดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีมุกให้ฮาตามแบบฉบับของญี่ปุ่น โดยฉากฮา ๆ ส่วนใหญ่ก็มาจากตัวเคย์สุเกะที่เครียดหนักเรื่องเขียนบทและกังวลว่าตัวเองจะทำออกมาได้ไม่ดี เนื่องจากเป็นซีรีส์ขนาดสั้นที่บอกเล่าถึงชีวิตของเคย์สุเกะและคนในครอบครัว จึงไม่ได้มีอะไรที่น่าหวือหวามากนัก เป็นแนวติดตามชีวิตของตัวละครไปเรื่อย ๆ มากกว่า บางฉากก็ทำออกมาแล้วให้ความรู้สึกว่าเวอร์ ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่าอาจจะเป็นมุกตามแบบฉบับของซีรีส์เรื่องนี้
เสน่ห์ของซีรีส์สั้นเรื่องนี้อยู่ที่โทนเรื่อง ในทุก ๆ ตอนเราจะได้รับความอบอุ่นและความสนุกจากความวายป่วงของชีวิตเคย์สุเกะ การที่ได้เห็นแต่ละคนแก้ไขปัญหาของตนเองและพยายามใช้ชีวิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทำให้รู้สึกว่าได้ไปติดตามชีวิตของตัวละครราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อถึงตอนจบทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี แต่ความวายป่วงและความท้าทายใหม่ ๆ ของเคย์สุเกะก็ยังไม่หมดไป ยังมีงานที่เขาใฝ่ฝันรออยู่ข้างหน้าและแน่นอนว่าเขามีอีกหนึ่งหน้าที่นอกจากพ่อบ้านที่รักความสงบ ก็คือการเป็นนักเขียนบทและมีเป้าหมายว่าจะเป็นนักเขียนบทที่ดีและมีความสามารถ ฉากที่ประทับใจมากที่สุดในเรื่องก็คงจะเป็นฉากที่ทุกคนในบ้านตั้งใจดูละครของเคย์สุเกะ ทำให้รู้สึกว่าทุก ๆ คนพร้อมที่จะสนับสนุนเคย์สุเกะ (แบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ) อยู่เสมอ
ทุก ๆ การกระทำของตัวละเรื่องในเรื่องดูปกติ ธรรมดาและทั่วไป โดยซีรีส์เรื่องนี้อนุญาตให้เราได้รู้สึกสโลไลฟ์แบบไม่รู้ตัว เนื่องจากพล็อตเรื่องที่เน้นไปที่ชีวิตของตัวละครและไม่ซับซ้อนทำให้ไม่ต้องคิดเยอะ มีโทนเรื่องที่อบอุ่น ซึ่งปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเรื่องก็จะเป็นปมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องพบเจอกับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้ด้วยความเข้าใจและการพูดคุย รวมถึงปัญหาเหล่านั้นก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแบบทั่วไปในชีวิตจริงเสียด้วย เช่น เคย์สุเกะโดนพ่อแม่สามีว่า (แบบนิดหน่อย) เรื่องที่ไม่ได้ทำงาน เป็นต้น

ฉากฮาที่ไม่ฮา (สปอยล์)
ปัญหาใหญ่ที่เป็นปัญหาหลักของเคย์สุเกะในการเขียนบทละครคือความเครียด มิหนำซ้ำเขายังมีภาพหลอนมาแวะเวียนให้เห็นอีกด้วย ซึ่งถ้าถึงขั้นมีภาพหลอนแล้วแสดงว่าปัญหาด้านจิตใจของเคย์สุเกะต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ แต่ในซีรีส์ได้นำเสนอในมุมมองที่ไม่เครียดเท่าไหร่ โดยตลอดทั้งเรื่องเมื่อเคย์สุเกะรู้สึกเครียดหรือกังวล เขาก็จะลงไปนอนกลิ้งกับพื้นหรือไม่ก็ระบายออกมาทางคำพูดและท่าทาง ซึ่งอาจจะดูเวอร์ไปหน่อยแต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงความรู้สึก (เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอและประสบปัญหาบางอย่าง ที่ทำให้เราอยากกรีดร้องออกมา) เมื่อเคย์สุเกะมีปัญหาเหล่านี้รุมเร้าเขาก็ไปหาจิตแพทย์ รวมถึงคลินิกที่สามารถทำให้สมองเย็น เพื่อให้ตนเองผ่อนคลาย โดยระหว่างทางเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากริกะภรรยาของเขา ทั้งในเรื่องของการเขียนและไอเดีย จนในที่สุดเขาก็สามารถเขียนบทละครได้จนจบ
ปัญหาทั่วไปที่พบเจอได้ในชีวิตจริง (สปอยล์)
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าในซีรีส์บางฉากก็ได้นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในชีวิตจริง อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบในซีรีส์เรื่องนี้คือความ “เรียล” (realistic) นี่แหละ ซึ่งบางปัญหาก็กลายเป็นมุกตลกร้าย เช่น เคย์สุเกะที่ต้องเขียนบทเพื่อให้โปรดิวเซอร์และผู้กำกับพอใจ อีกทั้งยังต้องเขียนให้นักแสดงหลักพอใจอีกด้วย บางวันเขาก็ต้องเปลี่ยนบทกะทันหันหรือต้องหาวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดที่ไม่ได้เกิดจากเขาด้วยตนเอง แต่บางปัญหาก็เป็นปัญหาที่ซีเรียสจริงจังที่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรมานั่งจับเข่าคุยกัน เช่น การที่พ่อของริกะพูดในทำนองที่ว่าเคย์สุเกะไม่ทำงานและไม่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าความคาดหวังที่มีต่อเพศชายที่ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ก็เข้าใจในความคิดพ่อของริกะ เพราะอยู่กันคนละเจ็นเนอเรชันซึ่งอาจจะทำให้มุมมองที่มีต่อโลกแตกต่างกัน
อีกหนึ่งการกระทำที่อาจพบเจอได้บ่อยในพี่น้องหรือคนในครอบครัว คือ การพูดตรง ๆ แบบไม่อ้อมค้อมและไม่รักษาน้ำใจ เช่น ริกะที่ทำอาหารได้ไม่อร่อยเท่าเคย์สุเกะได้พยายามทำมื้อเย็นเพราะเคย์สุเกะต้องทำงานเขียนบท ทันในนั้นลูกสาวก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตายด้านว่า แม่ทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่เหรอ ซึ่งตรงจุดนี้คือฮาก๊ากเลยเพราะไม่คิดว่าเอริกะจะพูดออกไปตรง ๆ แบบนั้น

สรุป
Can’t Write !? ชีวิตไม่มีบท (2021) เป็นซีรีส์คอมเมดี้ขนาดสั้นที่เนื้อเรื่องดำเนินเป็นเส้นตรง ไม่มีความหวือหวา ตื่นเต้น แต่สามารถให้ทั้งความอบอุ่นและความสนุกจากมุกตลกร้ายได้ หากใครชอบดูซีรีส์แนวเล่าเรื่อง เบาสมอง โทนสบาย ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยสามารถดูได้ที่ Netflix โดยใช้เวลาดูประมาณ 4 ชั่วโมง (ตอนละประมาณ 30 นาที มีทั้งหมด 8 ตอน)