หนังหลาย ๆ เรื่องไม่ได้ให้แค่ความเพลิดเพลิน มันยังทำงานกับสิ่งที่อยู่ข้างในตัวของเรา ในหัวใจของเรา เพราะหนังหนึ่งเรื่อง จะสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายนอก สภาพสังคม ผู้คน หรือแม้แต่สะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในด้วย วันนี้ผมจะมาชวนคุณดูหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าคุณต้องเคยได้ยินชื่อกันอย่างแน่นอน สามารถหาดูได้ง่าย ๆ แล้วใน Netflix เป็นหนังที่คุณสามารถดูได้หลาย ๆ รอบเลยครับ เพราะเป็นหนังที่สร้างความประทับใจ และเรียกน้ำตา หนังเรื่องนั้นคือเรื่อง The Shawshank Redemption คุณสามารถดูเพื่อความเพลิดเพลิน หรือดูให้ลึกกว่านั้นก็ได้

หากพูดถึงชื่อหนังเรื่อง The Shawshank Redemption คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นหนังอันดับหนึ่งตลอดกาลในเว็บไซต์ IMDB ที่สะท้อนออกมาทั้งสองสิ่ง เป็นความงดงามสูงสุดที่หนังเรื่องหนึ่งควรจะมีได้ อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังสามารถที่จะก้าวข้ามกาลเวลา หนังเรื่องนี้ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1994 แต่สารที่อยู่ข้างในหนังเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นสารที่อยู่ในบริบทของสมัยนั้นแล้ว ยังเป็นสารที่แฝงอยู่ในบริบทของสังคมปัจจุบัน หากคุณกำลังสิ้นหวังกับเรื่องใด ๆ หรือไฟแห่งความหวังของคุณกำลังจะหมดลงแล้ว ผมขอแนะนำให้คุณดูหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าคุณจะเคยดูหนังเรื่องนี้หรือไม่ หากคุณไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้จะช่วยสร้าง และเติมไปแห่งความหวังให้คุณอย่างแน่นอน และหากคุณเคยดูแล้ว ยิ่งต้องดูซ้ำอีกหลาย ๆ รอบ ในสภาพที่หลายอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ความหวังค่อย ๆ เหือดแห้ง การดูหนังเรื่องนี้ในช่วงเวลาที่ยาก จะทำให้คุณกลับมามีความหวังได้ คุณดูหนังเรื่องหนึ่ง คุณได้สิ่งหนึ่ง เวลาผ่านไป คุณดูหนังเรื่องเดิม คุณได้สิ่งใหม่ หนังเรื่องนี้ทำงานแบบนั้นกับผม ผมอยากให้คุณได้ลองสัมผัส ผมเชื่อว่ามันจะทำบางอย่างกับหัวใจของคุณอย่างแน่นอน

The Shawshank Redemption แต่เดิมแล้วเป็นผลงานที่ถูกดัดแปลงมาจากผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่งยุค Stephen King ในหนังสือรวมเรื่องสั้นสี่เรื่อง “Different Seasons เรื่องเล่าต่างฤดู” โดยในสี่เรื่อง สามเรื่องในนั้นเคยถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนังฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว หนังเรื่อง The Shawshank Redemption นี้ก็เช่นเดียวกัน ถูกดัดแปลงมาจากหนึ่งในเรื่องสั้นทั้งสี่เรื่องนี้ ในชื่อเรื่อง “Rita Hayworth and the Shawshank Redemption ริต้า เฮย์เวิร์ธ กับการไถ่บาปที่ชอว์แชงก์” เรื่องราวโดยย่อเป็นเรื่องราวสุดแสนธรรมดาของ แอนดี้ ดูเฟรนด์ (รับบทโดย ทิม ร็อบบินส์) นายธนาคารหนุ่มที่กำลังถึงคราวรุ่ง แต่ชีวิตต้องพลิกผันครั้งใหญ่ เพราะดันกลายมาเป็นแพะรับบาป ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมภรรยาสาวของตนเองและชู้รัก จึงต้องโทษและถูกคุมขังในคุกชอว์แชงก์ เรื่องราวหลักมีเพียงเรื่องราวชีวิตการอยู่ในคุกชอว์แชงก์ของแอนดี้ แต่หนังกลับไม่ได้นำเสนอความทุกข์ยากลำบาก การต้องทนทรมานของการอยู่ในคุก อาจมีเรื่องราวแบบนั้นอยู่บ้าง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวแห่งความหวัง ความสุข ในสถานที่ที่ซึ่งยากยิ่งที่จะหาความหวังนั้น แต่แอนดี้ กลับค้นหามันจนเจอ และทำให้อารมณ์ของหนังทั้งเรื่อง กลายเป็นอารมณ์แห่งความสุขและความหวัง

เรื่องราวมีทั้ง “มิตรภาพ ความหวัง และความรัก” ในคุกชอว์แชงก์แห่งนี้ สถานที่ซึ่งไม่น่าจะเป็นสถานที่แห่งความสุข อย่างน้อยแอนดี้ก็ได้รู้จักกับ “มิตรภาพ” ที่ดี คนที่แอนดี้สามารถเรียกได้ว่าเพื่อน คนคนนั้นคือ เอลลิส บอยด์ เรดดิง หรือเรด (รับบทโดย มอร์แกน ฟรีแมน) เป็นคนหาของในคุก ที่คอยบอก คอยสอนแอนดี้อยู่เสมอ ถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตในคุก ให้แอนดี้คอยย้ำเตือนตนเองอยู่เสมอ ถึงสิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดหากแอนดี้มีมันในคุก สิ่งนั้นคือ “ความหวัง” สถานที่แห่งความสิ้นหวัง ความหวังคอยแต่จะกัดกินคุณ มันทำให้คุณมีหวัง แต่ท้ายที่สุด คุณก็ต้องอยู่ที่นี่จนตาย ดังนั้นการมีความหวัง เป็นสิ่งอันตราย เรดพร่ำบอกแอนดี้อยู่เสมอ ดูเหมือนทุกคนในคุกชอว์แชงก์แห่งนี้ก็เป็นแบบนั้น แต่แอนดี้นั้นต่างออกไป ทุกอย่างของแอนดี้ดูไม่เหมือนคนในนี้ ลักษณะการเดิน คำพูดคำจา รวมไปถึงแววตาของแอนดี้ ในทุกอากัปกิริยาของแอนดี้ดูไม่เหมือนคนคุก แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวังอยู่เสมอ

ฉากที่ดูเหมือจะกำหนดอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ และเป็นฉากสุดประทับใจของหลาย ๆ คน คือฉากบนดาดฟ้า เป็นฉากที่นักโทษหลายคนถูกเกณฑ์ไปทำงานทาสีบนดาดฟ้าของคุก รวมถึงแอนดี้ เรด และเพื่อน ๆ ของเรดอีกหลายคน ระหว่างนั้นผู้คุมสุดเหี้ยมได้บ่นให้เพื่อนผู้คุมฟังเกี่ยวกับการโดนภาษี ตอนนั้นเองเป็นตอนที่แอนดี้ใช้ความกล้า โผเข้าไปและแนะนำผู้คุมเรื่องภาษี แลกกับการเลี้ยงเบียร์เย็น ๆ นักโทษที่ทำงานบนดาดฟ้าคนละสามขวด เพราะแอนดี้เชื่อว่า การที่นักโทษได้นั่งกินเบียร์บนดาดฟ้าหลังใช้แรงงานเสร็จ อย่างน้อยจะทำให้พวกเขาเป็นคนมากขึ้น จำความรู้สึกถึงการเป็นอิสรชนได้ อย่างน้อยแค่เสี้ยวเวลา ขณะพระอาทิตย์ตกก็ยังดี น่าแปลกที่หนังทั้งเรื่องนั้นกล่าวถึงเรื่องของความหวัง แต่คำคำนี้ถูกกล่าวขึ้นครั้งแรก โดยผู้คุมที่เหี้ยมโหดที่สุดในคุกชอว์แชงก์นี้เอง ฉากนี้เองเป็นฉากที่กำหนดทิศทางและอารมณ์ทั้งหมดของหนังเรื่องนี้

ดูเหมือนสิ่งที่หนังทั้งเรื่องต้องการถ่ายทอด สิ่งนั้นคือการบอกกับเราว่า “จงมีความหวัง” แม้ในสถานการณ์แห่งความสิ้นหวัง แม้จะอยู่ในคุกชอว์แชงก์ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะมีได้คือความหวัง เพราะความหวังเป็นสิ่งที่ดี อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกก็ได้ และสิ่งที่ดี ไม่มีวันตาย สารของหนังเรื่องนี้ สามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะในระดับบุคคล หรือระดับที่ใหญ่กว่านั้น ต้องยอมรับสิ่งหนึ่ง ว่าเมื่อเวลาผ่านพ้น เราทุกคนเติบโตขึ้น สิ่งที่ต้องเจอมากขึ้น อย่างหนึ่งเลยคืออุปสรรค สิ่งนี้ในบางครั้งอาจทำให้ชีวิตของเรายากขึ้น เราท้อ เหนื่อยหน่าย จนสุดท้ายเราหมดสิ้นซึ่งความหวัง Shawshank Redemption กำลังมาสะกิดเรา และบอกข้อความสำคัญยิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการบอก กับเราซึ่งกำลังหมดหวัง ว่าจงมีความหวัง มันเป็นสิ่งที่ยาก ที่จะให้มีความหวังในสถานการณ์ที่ยากต่อความฝัน หรือความหวังใด ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความหวังจะเป็นไม่กี่สิ่ง ที่จะนำเราไปสู่อิสรภาพที่แท้จริงได้ ก่อนจะจบผมขอทิ้งประโยคที่สำคัญและน่าประทับใจของหนังเรื่องนี้ไว้ หวังว่าทุกคนจะมีความหวังครับ

“ผมต้องเตือนตนเองไว้ว่า นกบางตัวไม่อาจอยู่แต่ในกรงได้ ขนของพวกมันสว่างจ้าจนเกินไป และเมื่อพวกเขาบินไป บางส่วนของคุณที่รู้ว่ามันบาปที่ขังมันไว้ก็ปีติยินดี และถึงอย่างนั้น…ที่ที่คุณอยู่มันน่าเบื่อขึ้น และว่างเปล่าเมื่อพวกมันไปแล้ว”