Arthdal Chronicles (2019) อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์ ซีรีย์มหากาพย์ฟอร์มยักษ์ที่พาทุกคนย้อนยุคไปไกลถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในยุคที่ตำนานความลี้ลับ ความเชื่อเรื่องเทพเจ้ามีอิทธิพลกับจิตใจมนุษย์ (มีสปอยล์ในย่อหน้าสปอยล์)

เรื่องย่อ

อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์ ซีรีส์ที่เริ่มต้นด้วยเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าอาธดัลกับนีแอนทัล (เป็นชื่อเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่พละกำลังแข็งแกร่งกว่ามากและมีเลือดเป็นสีฟ้า) โดย “อึนซอม” (รับบทโดย ซงจุงกิ) เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และนีแอนทัลถูกเรียกว่า “อีกึต” ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ อาซาคันผู้เป็นแม่ของอึนซอมได้พาอึนซอมหนีไปที่อิอาร์ก อึนซอมจึงได้รับการช่วยเหลือเติบโตมากับเผ่าวาฮันโดยเขามีเพื่อนสนิทผู้เป็นรักแรกชื่อว่า “ทันยา” (รับบทโดย คิมจีวอน)

ต่อมากองทัพแทคานนำโดย “ทากน” (รับบทโดย จางดงกอน) ซึ่งเป็นกองทัพของอาธดัลได้เข้ายึดอิอาร์กและจับเผ่าวาฮันและเผ่าข้างเคียงมาเป็นทาส นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อึนซอมมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดปล่อยเผ่าวาฮันให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสในอาธดัล แต่แล้วเรื่องราวทั้งหลายก็ตาลปัตรเพราะปัจจัยมากมายที่เข้ามาข้องเกี่ยว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปสามารถติดตามได้ใน Netflix

(ระดับความเหมาะสมในการรับชม 18+ : การฆ่าตัวตาย, ความรุนแรง)

อึนซอม (รับบทโดย ซงจุงกิ)

รีวิว

Arthdal Chronicles (2019) อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์ เป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ของเกาหลีที่ปล่อยฉายมาพักใหญ่ ๆ แล้วตั้งแต่ปี 2019 ใครยังไม่ได้ดูถือว่าพลาดมาก เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีไอเดียที่แหวกและน่าสนใจเพราะได้พาทุกคนย้อนไปในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เส้นเรื่องและปมมีเยอะจุใจและทุกเรื่องเกี่ยวข้องกัน แต่การดำเนินเรื่องของซีรีส์โดยรวมค่อนข้างช้าเพราะซีซันแรกเป็นการปูเรื่อง และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้ง การแบ่งอำนาจ การปกครองของอาธดัลเป็นส่วนใหญ่ กว่าพระเอกจะสามารถตั้งตัวและหาพรรคพวกได้คือใช้เวลานานมาก ส่วนตัวมองว่าซีซันแรกเหมือนเป็นการผจญภัยกับความลำบากของอึนซอมก่อนที่อึนซอมจะเข้มแข็งและเรียนรู้โลกข้างนอกมากพอที่จะสามารถไปต่อกรกับฝั่งตัวร้ายได้

อย่างที่บอกว่าเส้นเรื่องคือเยอะถึงเยอะมาก ถ้าอ่านซับไม่ละเอียดก็สามารถทำให้งงได้ง่าย ๆ  ส่วนหนึ่งที่ส่วนตัวรู้สึกว่าขัดใจนิด ๆ คือการที่ไม่รู้สึกลุ้นกับการฟาดฟันและแย่งอำนาจ เส้นเรื่องมีความซับซ้อนแต่ส่วนตัวคิดว่าพออยู่ในซีรีส์แล้วมันไม่น่าตื่นเต้น (อาจจะเพราะว่ามันหักกันไปหักกันมาจนขี้เกียจจะคิดหรือเดา เลยคิดว่าดูเพื่อรับข้อมูลจากซีรีส์อย่างเดียวเลยน่าจะเป็นความคิดที่ดี) ส่วนที่ชอบที่สุดในซีรีส์คือความบ้าระห่ำและความคนดีของอึนซอมกับเส้นเรื่องที่เยอะและมีหลายพาร์ทที่ต้องติดตามทำให้ไม่เบื่อ

หากใครต้องการดูเลิฟซีนในซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่า ไม่มี! เพราะเรื่องนี้จะเน้นไปที่การปูเรื่องในโลกของอาธดัล การเดินทางของอึนซอม ปมความขัดแย้งต่าง ๆ ทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าทุกเรื่องจะสามารถมาเชื่อมโยงกันได้ในที่สุด แต่บอกได้เลยว่าในความซับซ้อนยังมีความสนุกและความแปลกใหม่ที่เป็นแนวแฟนตาซี (แฟนตาซีด้านความเชื่อ เรื่องเผ่า เรื่องเทพเจ้า) ที่ดูสมเหตุสมผล เสน่ห์ของเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งคือการที่นักแสดงทุกคนสามารถถ่ายทอดความเป็นตัวละครนั้น ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจนทำให้ผู้ชมสามารถรับชมและติดตามเรื่องราวในซีรีส์ได้อย่างไหลลื่น

ทันยา (รับบทโดย คิมจีวอน )

(สปอยล์)

เส้นเรื่องหลายเส้นที่ล้วนมาบรรจบกัน

หากจะอธิบายการดำเนินเรื่องของซีรีส์ สิ่งที่สามารถอธิบายได้ดีที่สุดคือ เส้นเรื่องเล็กที่มีความเชื่อมโยงกันซักทางใดทางหนึ่ง เช่น ตอนที่แม่เฒ่าเผ่าวาฮันเข้มงวดเรื่องท่าเต้นมากว่าจะต้องก้าวกี่ก้าว ความยาวก้าวเท่าไหร่ มือระดับไหน รวมถึงเรื่องของคำทำนายที่เราจะได้ยินผ่านหูตั้งแต่ต้นเรื่อง ทั้งสองอย่างนี้ได้รับการเฉลยในอีพีที่ทันยาหากระดิ่งดวงดาวพบ, เส้นเรื่องของอึนซอมที่หลังจากออกจากอาธดัลแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ป่วยบ้าง โดนจับเป็นทาสบ้าง ไปช่วยคนบ้าง แต่ท้ายที่สุดอึนซอมก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพของเผ่าอาโกและอาจจะไปต่อกรกับทากนซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นเทพอารามุน (ดูไปก็ขำไปนี่มันเรื่อง สงครามสลับเทพชัด ๆ) ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ทากนคือเทพอิไนชินกิ เพราะอึนซอมคืออารามุนซึ่งได้เฉลยแล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามีเพียงอิไนชินกิเท่านั้นที่พอจะต่อสู้กับอารามุนได้ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าทากนอาจจะเป็นอิไนชินกิ (แต่อะไรก็ไม่แน่นอน อิไนชินกิอาจจะเป็นคนอื่นหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้)

ควันศักดิ์สิทธิ์

ส่วนตัวรู้สึกขำกับควันศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องมาก ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอตอนหลังซีรีส์ก็ได้เฉลยว่าการสูดดมควันศักดิ์สิทธิ์แท้จริงแล้วคือการเสพสารเสพติด นั่นก็เท่ากับว่านอกจากอาซารนจะหลอกคนอื่นเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของตนเองแล้ว ยังหลอกว่าควันศักดิ์สิทธิ์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสารเสพติด) สามารถทำให้สามารถสื่อสารกับทวยเทพได้ ที่อาซารนทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้ตนเองเสพสารเสพติดแบบชอบธรรมนั่นเอง

พระเอกเป็นเทพที่ยังไม่เทพ

หนึ่งในความขัดใจขณะที่ดูเรื่องนี้ความเทพของพระเอกที่ยังไม่ปรากฏ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาให้เห็นกันในซีซันถัดไป ในเรื่องของความเทพของพระเอกนั้นมีได้โดยไม่มีข้อกังขาหรือความไม่สมเหตุสมผลเพราะพระเอกเป็นเทพจริง ๆ เพียงแต่ว่าความเทพที่มาในซีซันนี้ไม่ใช่ด้านการวางกลยุทธ์หรือการต่อสู้ แต่เป็นความเทพด้านความโชคดี ความอดทนและวาจาที่เป็นเลิศ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่อึนซอมสามารถพูดให้อิปแซงมาเป็นพวกของตนได้ ทั้ง ๆ ที่อิปแซงหักหลังอินซอมไม่รู้กี่ครั้ง บอกตามตรงว่าถ้าเทียบกับศัตรูคือมีคาแรคเตอร์คนละแบบเลยเพราะอึนซอมมีความเป็นเด็กหนุ่มผู้มีความเมตตาและความเป็นคนดีสูงมาก ในขณะที่ฝ่ายทากนเก่งเรื่องการรบรวมถึงการวางแผน การเท่าทันสถานการณ์ที่มาพร้อมกับความเหี้ยมโหด น่าติดตามต่อไปว่าคาแรคเตอร์ของอินซอมจะเปลี่ยนคาแรคเตอร์เป็นเวอร์ชันที่โหดร้ายกว่าเดิมหรือมีการเปลี่ยนและการพัฒนาด้านอื่น ๆ หรือไม่

โชคดีหรือโชคชะตา

หลาย ๆ ครั้งที่ตัวละครรอดมาได้แบบหวุดหวิดและดูโชคช่วย เช่น การที่ทันยาไม่ถูกฆ่าเพราะยางชามาช่วยไว้ทันพอดี, การที่อึนซอมรอดจากน้ำตกได้เพราะเผ่าโมโมมาช่วยไว้ ซึ่งหลาย ๆ เรื่องก็เป็นความเชื่อมโยงแบบคาดไม่ถึง เช่น อึนซอมได้เดินทางมาบอกเรื่องซาทนิกกับเผ่าโมโม โดยธรรมชาติของเผ่าโมโมแล้วเป็นเผ่าที่ตอบแทนบุญคุณแถมยังถนัดออกล่าในน้ำอีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์ในตอนที่อึนซอมตกน้ำ ช่างเป็นอะไรที่เหมาะเจาะกันมาก ๆ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนเขียนบทมาอย่างจงใจว่ามันคือโชคชะตาของตัวละครนั้น ๆ ถ้าคิดแบบนี้ก็ค่อนข้างคล้องกับตอนต้นเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับดาวหางสีน้ำเงินว่าเด็กที่เกิดวันนี้ (ซึ่งมีสามคน) ที่จะมาเปลี่ยนโลกที่เป็นอยู่ มันจึงเป็นเรื่องของโชคชะตากำหนดไว้แล้ว (ว่ายังตายไม่ได้)

การเดินทางของสองเทพ

เมื่อดูมาถึงท้าย ๆ ซีซันก็พบว่าเป็นการเดินทางของสองเทพจริง ๆ แถมยังสลับกันด้วย ทางด้านทากนก็กุเรื่องขึ้นมาว่าตนเองเป็นอารามุนเนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ บังคับและต้องเอาตัวรอด ทางด้านอึนซอมก็คือเป็นเทพได้เพราะความจับพลัดจับผลูล้วน ๆ ความน่าติดตามมันอยู่ตรงที่ว่าคนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าอึนซอมเป็นอารามุน แล้วสองเทพนี้จะทำสงครามกันยังไง เมื่อดูจนจบก็พอจะเห็นเส้นเรื่องหลักลาง ๆ ว่าอึนซอมจะมาเจอกับทากนได้อย่างไร ซึ่งก็น่าตลกดีที่ตอนแรกพวกเขาเจอกันในฐานะทาสกับแม่ทัพ ต่อมาเจอกันในฐานะเทพ (จะต้องมีฉากที่ทากนเสียดายแน่ ๆ ที่ปล่อยให้อึนซอมรอดไป หรือไม่ก็งงเพราะเข้าใจว่าตกผาตายไปแล้ว )

ทากนเวอร์ชันหนุ่ม (รับบทโดย จางดงกอน)

มหากาพย์การเดินทางของอารามุน แฮซึลลา

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือ การที่บทส่งให้อึนซอมได้ไปพบเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งความผิดหวัง โดนหักหลัง ความจิตตก ความเจ็บปวด เจอเรื่องราวมากมายก่อนที่จะมาเจอที่เจอทางของตัวเอง ซึ่งระหว่างทางอึนซอมก็ได้พูดโน้มน้าวหรือชักจูงให้ผู้อื่นรอบข้างมีความหวังหรือมีความคิดที่ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว จะเห็นได้ว่าคนในเหมืองที่ตอนแรกก็มีเพียงความหมดหวังและความเห็นแก่ตัว แต่ต่อมาพวกเขาก็กลายเป็นคนที่ดีขึ้นเพราะมาเจอกับอึนซอม (พ่อพระจริง ๆ ) ซึ่งก็ดูสมกับเป็นการเดินทางของเทพที่ผู้คนเคารพนับถือ สมกับการเป็นเทพอารามุนที่เป็นศาสดาสำหรับชาวอาธดัล

เผ่าวาฮันตอนโดนจับเป็นทาส

ธรรมชาติของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงของเผ่าวาฮัน

สำหรับเผ่าวาฮันคงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเมื่อรู้ว่ามนุษย์สามารถขึ้นไปบนผาทมิฬได้ หลังจากที่เผ่าวาฮันโดนจับมายังอาธดัล เผ่าวาฮันบางส่วนโดนฆ่าหรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นทาส เมื่อทันยาสามารถกุมอำนาจในการเป็นนักบวชสูงสุดได้แล้ว เธอจึงช่วยเผ่าวาฮันทุกคนให้หลุดพ้นจากการเป็นทาส จากนั้นชาวเผ่าวาฮันก็ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับชาวอาธดัลโดยลืมวิถีชีวิตแบบเก่าของตนเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อมนุษย์พบชีวิตที่สบายกว่า เจริญกว่าก็ย่อมอยากใช้ชีวิตแบบที่พัฒนาขึ้น ซึ่งชาวเผ่าวาฮันได้พบกับกิเลสต่าง ๆ เช่น ความสวยงามของการแต่งกาย อาหารการกินที่หลากหลาย อำนาจ และหลงใหลไปกับมันเพราะไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งวิถีชีวิตเดิมของเผ่าวาฮันนั้นเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลอะไร รวมถึงมีกิเลสน้อย ใช้ชีวิตแบบปลีกวิเวกตามคำสอนของบรรพบุรุษ ซึ่งคำสอนนั้นคือ การห้ามไม่ให้ปลูกพืชหรือสื่อสารกับสัตว์ในทุกทาง (คำสอนนี้เองที่ทำให้เผ่าวาฮันไม่มีการพัฒนา หากไม่มีคำสอนนี้ไม่แน่ว่าเผ่าวาฮันก็คงเป็นเผ่าหนึ่งที่พัฒนาด้านต่าง ๆ มากขึ้นอย่างในอาธดัล) ทำให้เผ่าวาฮันเป็นเผ่าที่ปลีกวิเวกและดำรงชีวิตเพื่อเลี้ยงชีพ (สิ่งหลัก ๆ ที่เผ่าวาฮันทำคือการเลี้ยงชีพโดยนำของไปแลกกับอาหารของเผ่าข้างเคียง)

จากสถานการณ์ของเผ่าวาฮันจะเรียกว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ก็ได้ในเรื่องของความพัฒนา เมื่อมนุษย์เรียนรู้ที่จะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ความสงสัยและการไขว่คว้าก็พาให้มนุษย์มีชีวิตที่เจริญขึ้น สบายขึ้น แต่ปัญหาก็เยอะขึ้นเช่นกัน เมื่อมีอาณานิคมและต้องการขยายดินแดน มนุษย์ก็ทำสงคราม ซึ่งสงครามนั้นไม่ได้ให้ผลดีกับใครเลยเพราะฝ่ายที่เคยชนะอาจจะเป็นฝ่ายที่แพ้ในวันหนึ่ง รวมถึงความลำบากของประชาชนขณะทำสงคราม เมื่อเริ่มมีอารยธรรมมากขึ้นก็เริ่มมีการแบ่งชนชั้น ทำให้คนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อไม่ให้อดตายและไม่ให้โดนเอาเปรียบ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะความโลภ ความเห็นแก่ตัวและสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ทางที่เป็นไปได้(ยาก)ที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขขึ้นคือการเป็นคนดีตามที่สังคมกำหนด

สรุป

Arthdal Chronicles (2019) อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์ เป็นซีรีส์ที่ควรดูและห้ามพลาดเพราะนอกจากเนื้อเรื่องที่ทำให้ผู้ชมหลุดไปกับโลกแฟนตาซีของอาธดัลแล้ว ยังมีพล็อตและปมที่แน่น รวมทั้งอารมณ์ต่าง ๆ ในเรื่องที่กลมกลืนอย่างลงตัว เป็นซีรีส์เรื่องหนึ่งที่มีความครบรสและความสนุกที่แปลกใหม่ คาดเดาไม่ได้ โดยใช้เวลาเฉลี่ยในการดูตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งและสามารถรับชมได้ทาง Netflix

สามารถอ่านรีวิวซีรีส์อื่น ๆ จาก Netflix ได้ที่นี่