Ashin of the North อาชินแห่งเผ่าเหนือ (2021) ภาพยนตร์ภาคต่อของซีรีส์ KINGDOM ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของซีรีส์ต้นฉบับ ความดาร์คของเนื้อเรื่องและการปูทางไปสู่ซีรีส์ภาคต่อฉบับเต็ม

เรื่องย่อ
“อาชิน” เด็กหญิงผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับสมุนไพรคืนชีพและมีความหวังว่าจะนำสมุนไพรชนิดนี้มารักษาแม่ แต่แล้วภัยที่ใกล้ตัวแต่มองไม่เห็นก็มาถึง เมื่อเธอต้องพบความสูญเสียครั้งใหญ่ เธอสูญเสียทั้งคนที่รัก ครอบครัวและพ่อของเธอ อาชินจึงนับวันรอเพื่อแก้แค้นให้พ่อและครอบครัวด้วยจิตที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจล้มล้างได้
ความน่าติดตามของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่จอง จีฮยอนนักแสดงสาวชื่อดังขวัญใจหลาย ๆ คนที่กลับมาพร้อมกับบทตัวละครหลักในภาพยนตร์และเป็นตัวแปรสำคัญของซีรีส์ KINGDOM ทั้งสองซีซัน ทำให้น่าติดตามในเรื่องของการแสดงและเส้นเรื่องต่อไปว่า อาชินจะมาดีหรือร้ายกันแน่
รีวิว
หลังจากที่ดูจบก็รีบเปิดคอมเพื่อเขียนรีวิวทันที เพราะในที่สุดก็สิ้นสุดการรอคอยสำหรับภาพยนตร์ภาคต่อของ ซีรีส์ KINGDOM ก่อนรับชมรู้สึกคาดหวังไว้มากพอสมควรเพราะ KINGDOM ทั้งสองซีซันทำได้ดีมาก ทั้งในด้านเนื้อเรื่อง การต่อสู้กับคนในราชสำนักและซอมบี้ที่มันมาก ๆ รวมถึงคาแรคเตอร์ของตัวละครที่ลึกและมีมิติ หลังจากดู Ashin of the North จบรู้สึกประทับใจพอสมควรในเรื่องของความดาร์คและการปูเนื้อเรื่องเพื่อเข้าสู่ KINGDOM ซีซันถัดไป ในส่วนของการเฉลยปมพืชคืนชีพนั้นรู้สึกว่าไม่ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ (จากทีเซอร์และภาคซีรีส์) ในเรื่องของอารมณ์รู้สึกว่ามันยังไม่สุด การดำเนินเรื่องช้า เส้นเรื่องน้อย มู๊ดของหนังเป็นการเล่าเรื่องเรื่อย ๆ ผสมกับอารมณ์หดหู่และความรู้สึกของอาชิน เหมือนเราได้รู้จักกับชีวิตของคนคนหนึ่งทั้งเรื่องของความคิดและเหตุการณ์ในชีวิต (อัตถชีวประวัติโดยย่อของอาชิน) ซึ่งมีประโยชน์ในการเข้าใจตัวละครในภาคต่อไปมากขึ้น ส่วนตัวมองว่าหากมองในมุมภาพยนตร์ อาชินแห่งเผ่าเหนือ อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ครบรสหรือมีความสุดทางด้านอารมณ์มากนัก ระหว่างที่ดูก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่ากำลังดูอีพีหนึ่งของซีรีส์ แต่ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ KINGDOM ที่มาสานต่อเรื่องราวได้เป็นอย่างดี คำแนะนำก่อนดูคือควรเปิดหัวให้โล่ง ๆ ดูในที่แสงน้อย(เพราะมืดทั้งเรื่อง) และเตรียมจิตใจให้พร้อมกับความดาร์คแบบเรียล ๆ

(สปอยล์)
เวรระงับด้วยการไม่จองเวร คติสอนใจนี้คงใช้ไม่ได้กับอาชิน เพราะหลังจากที่โดนพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป อาชินก็มีปณิธานที่แน่วแน่ว่าจะล้างแค้น จะผ่านไปอีกกี่ปีเธอก็จะทำให้ได้ หลังจากที่เธอรอดมา(โดยบังเอิญ)เพียงคนเดียวจากหมู่บ้านที่เธออยู่ โดยคนในหมู่บ้านถูกเรียกว่าซองจอยาอินซึ่งเป็นชาวหนี่ว์เจินที่อยู่ในโชซอนแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งโชซอนและชาวหนี่ว์เจินด้วยกันเอง (ส่วนชาวหนี่ว์เจินที่อยู่อีกดินแดนชื่อว่า พาจอวี)
ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าพาจอวีเป็นคนที่พรากชีวิตคนในหมู่บ้านไปเพราะสัญลักษณ์ของพ่อที่ถูกห้อยไว้กับศพที่ถูกห้อยประจาน (จะเรียกว่าห้อยประจานก็ไม่ถูกนักเพราะไม่มีใครอยู่ให้ประจาน) เธอจึงมีความแค้นฝั่งขุ่นเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตต่อไป เธอฝังศพคนทั้งหมู่บ้านด้วยตัวคนเดียว จากนั้นเธอจึงข้ามแม่น้ำ(ที่กว้างมาก)ไปหารองแม่ทัพและทหารโชซอนผู้ที่พ่อของเธอภักดีเสมอมาเพื่อขอความช่วยเหลือให้แก้แค้นพ่อของเธอ ทางด้านทหารโชซอนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่อย่างน้อยรองแม่ทัพก็ให้การดูแล (ถึงแม้จะเป็นการดูแลแบบไม่ใส่ใจ ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ก็ตาม)
เพราะโลก(มนุษย์)มันโหดร้าย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นชาวหนี่ว์เจินที่ไม่ได้รับการยอมรับหรือเพราะความใจดำหรือเหตุผลอื่น ที่อาชินได้อาศัยอยู่ที่เล้าหมู (กะจะเอาไว้ใช้งานก็ควรดูแลให้ดูกว่านี้สิท่านรองแม่ทัพ) ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามก็พอเข้าใจได้อยู่ เธอจึงต้องทำงานที่ค่ายทหารและฝึกการต่อสู้คือการใช้ธนูด้วยตนเอง พอมาถึงตรงนี้ก็เห็นได้ว่าเธอมีความแน่วแน่เรื่องการแก้แค้นมาก แต่ต่อมาเมื่อเธอได้รับภารกิจให้ไปสืบความเคลื่อนไหวของพาจอวี เธอก็ได้พบกับความจริงที่ว่าพ่อของเธอยังไม่ตาย แต่ถูกตัดแขนและขาและถูกเลี้ยงให้อยู่อย่างนั้นเพื่อรอวันตายในหมู่บ้านของพาจอวี (เลวร้ายกว่าตายอีก) จากนั้นเมื่อเธอรู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะฝ่ายโชซอนที่โยนความผิดให้หมู่บ้านเธอ ทำให้โดนพวกพาจอวีมากวาดล้างหมู่บ้านซองจอยาอิน คราวนี้เธอเลยแค้นหนักกว่าเดิม เธอจึงมีเป้าหมายที่แน่วแน่ว่าจะล้างแค้นให้หมดทั้งสองฝ่าย แล้วหลังจากนั้นค่อยไปอยู่กับครอบครัว(ที่กลายเป็นซอมบี้แล้ว) ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเธอหมายถึงไปอยู่ด้วยกันแบบไหน แบบเป็นซอมบี้หรือแบบที่เธอต้องจบชีวิตตัวเอง
จากเนื้อเรื่องทำให้เราได้คิดว่าที่อาชินเติบโตมาแบบคนมีไฟแค้นสุมอกและสามารถฆ่าทุกคนได้เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จลุล่วง การที่เธอเติบโตมาเป็นแบบนี้เพราะอะไร เป็นเพราะรองแม่ทัพ ความมั่นคงของโชซอน หรือเป็นเพราะพาจอวี คำตอบเหมารวมแบบเข้าใจง่ายเลยคืออาจเป็นเพราะมนุษย์(จิตใจมนุษย์) เพราะมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด มีความโลภ ความเห็นแก่ตัว แบ่งแยก มีเหตุผลเป็นของตัวเอง เมื่อสงครามเกิดแทบจะโทษไม่ได้เลยว่าฝ่ายไหนผิดหรือถูก ถ้าจะโทษก็คงจะต้องโทษลักษณะของมนุษย์เองที่เป็นแบบนี้ เหมือนกับวลีหนึ่งที่ได้ยินบ่อยในโลกทุกววันนี้ คือ “โลกมันโหดร้าย” ส่วนตัวมองว่าโลกไม่โหดร้ายหรอก มนุษย์ต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างโหดร้ายและความโหดร้ายนั้นก็ส่งผลโดยตรงต่อมนุษย์เอง มนุษย์สร้างและพัฒนาอารยธรรมของตนเอง จากตอนแรกที่พอใจที่มีอาหารกินก็เริ่มปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ก่อตั้งอาณาจักร ล่าอาณานิคม พัฒนาด้านต่าง ๆ จากนั้นก็มีปัญหาต่าง ๆ ไม่จบไม่สิ้น สิ่งเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ อาจเป็นเพราะมันเป็นธรรมชาติโดยปกติของมนุษย์

เรื่องราวสะเทือนใจของอาชิน
ทั้งภาพยนตร์มีอยู่ไม่กี่ฉากที่รู้สึกว่าส่งผลต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก ฉากที่รู้สึกหดหู่มากที่สุดคือฉากที่อาชินโดนข่มขืนแบบที่ต้องจำยอมเพราะไม่อยากมีเรื่อง ทั้ง ๆ ที่เธอสามารถฆ่าทหารคนนั้นทิ้งได้ทันที แสดงให้เห็นว่าตัวละครอาชินยอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้แก้แค้นทำให้เข้าใจคำที่อาชินพูดในตอนแรกว่า “จะหนึ่งปี สองปี สิบปี ยี่สิบปีก็ได้ขอให้ได้แก้แค้น”

เป้าหมายชีวิตและการขับเคลื่อน
คนเราทุกคนขับเคลื่อนชีวิตด้วยอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป้าหมายหมายทางด้านวัตถุ หลักการของตนเอง ความสัมพันธ์ หรืออื่น ๆ เพราะการมีอยู่ซึ่งเป้าหมายทำให้เราใช้ชีวิตอย่างรู้ทางเดินว่าเรากำลังจะเดินไปทางไหนหรือเราต้องการอะไร เป้าหมายที่ทำให้ชีวิตอาชินขับเคลื่อนไปได้เหมือนอย่างที่กล่าวข้างต้นคือ อาชินขับเคลื่อนชีวิตด้วยความแค้นและมีเป้าหมายคือการแก้แค้น (เป็นเป้าหมายเดียวในชีวิต)
ซึ่งตัวเรื่องได้ปูทางและพื้นฐานตัวละครให้เราได้เข้าใจในสถานการณ์และมุมมองของอาชินก่อนที่จะได้ไปเจอกับอีชางในซีซันสาม ซึ่งทั้งสองมีเป้าหมายที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ถ้าจากข้อมูลที่มีอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นไปได้สูงว่าอาชินจะเป็นศัตรูกับอีชาง เพราะสิ่งที่อาชินต้องการคือทำให้โชซอนและพาจอวีพบกับจุดจบ ส่วนอีชางต้องการหาต้นตอของปัญหาและที่มาของพืชสมุนไพร ส่วนเนื้อเรื่องในซีซันหน้าจะดำเนินไปทางไหนนั้นก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป

สมุนไพรคืนชีพ
อาชินสูญเสียทั้งครอบครัวและพวกพ้องไปในคราวเดียวกัน ทำให้เธอเสียหลักพยุงชีวิต จึงมีเหตุผลที่เข้าใจได้ว่าทำไมอาชินจึงทำการฟื้นคืนชีพคนในครอบครัว ซึ่งในถ้ำก็มีบอกว่ามีสิ่งที่ต้องแลก (ไม่แน่ใจว่าอาชินเข้าใจหรือไม่ว่าถ้าฟื้นคืนชีพแล้วจะเป็นซอมบี้)
ในส่วนของข้อมูลสมุนไพรคืนชีพ (โสม) ไม่แน่ใจว่าอาชินจะรู้เรื่องทั้งหมดหรือไม่ (ในเรื่องที่หมอหญิงซอบียังไม่รู้) จากภาพยนตร์แสดงให้เราเห็นว่าอาชินรู้วิธีการใช้ ผลลัพธ์ การแพร่เชื้อ (ส่วนตัวแล้วรู้สึกเฉย ๆ กับข้อมูลสมุนไพรที่มาเพิ่มเติมเพราะมีค่อนข้างน้อยและส่วนใหญ่เฉลยออกมาแล้ว) แต่ก็ไม่รู้ว่าอาชินรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาหรือตัวปรสิตมั้ย ซึ่งสิ่งที่น่าคิดเกี่ยวกับสมุนไพรตัวนี้คือ ซีซันต่อไปจะบอกถึงเรื่องที่มาหรือไม่ (ที่มาเกี่ยวกับโสมและเรื่องราวในถ้ำ) หรือจะมีเอี่ยวอะไรกับตระกูลแฮวอนโจหรือเปล่า (หรือจริง ๆ แล้วที่ตระกูลฆ่าทุกคนที่ไปหาสมุนไพรเพราะต้องการปกปิด) ถ้าในซีซันสามเล่าถึงตรงจุดนี้เรื่องราวเกี่ยวกับโสมก็จะเคลียร์ขึ้นมาก แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปในซีซันต่อ ๆ ไปทาง Netflix
ความเทพและความเท่
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือความเท่และความเทพแบบมาเหนือของอาชิน แม้ว่าอาชินจะมีตัวช่วยเป็นโสมที่ทำให้คนเป็นซอมบี้ได้ แต่ด้วยทักษะการต่อสู้ที่ได้มาด้วยตนเอง ความฉลาดและทักษะการเอาตัวรอด มีสิ่งที่ไม่แน่ใจคือ อาชินรู้ความลับเรื่องความขัดแย้งในพระราชวังหรือเรื่องราวการแย่งอำนาจก่อนที่จะเสนอเอาโสมไปขายหรือไม่ จุดประสงค์จริง ๆ ที่ต้องการแค่ให้ราชาตายหรือมีจุดประสงค์อื่น แต่จุดประสงค์ให้เพื่อให้เชื้อระบาดอาจจะไม่ใช่เพราะอาชินไปเสนอให้แพทย์อีซึงฮีซึ่งเป็นหมอหลวง ไม่ใช่พวกพ่อค้า หรืออาชินจะทำให้ซักคนเป็นซอมบี้แล้วปล่อยก็ย่อมได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงข้อสันนิษฐานและการตั้งถามเท่านั้น เรื่องราวจริง ๆ เป็นอย่างไรผู้เขียนก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ต้องการจะสื่อ
ข้อความที่ซีรีส์ KINGDOM ทั้งสองซีซันได้ทิ้งไว้เป็นข้อความเกี่ยวกับความเท่าเทียม การปกครอง อำนาจและความโลภโดยมีซอมบี้เป็นพื้นหลังและตัวเร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างเกิดเร็วขึ้น โดยข้อความจากภาพยนตร์ภาคต่อก็เป็นข้อความในลักษณะที่คล้ายกัน ส่วนตัวมองว่าภาพยนตร์ได้สื่อในเรื่องของการถูกทอดทิ้ง ซึ่งชาวซองจอยาอินไม่ได้รับการยอมรับในฐานะของชาวโชซอนและแผ่นดินโชซอนเองก็ไม่ได้จัดการอะไรให้เป็นทางการ ไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งให้พ่ออาชิน หรือไม่ได้ยกฐานะชาวชาวซองจอยาอินให้อยู่ระดับเดียวกับประชาชนโชซอน และทีมแม่ทัพก็ตัดสินใจให้ชาวซองจอยาอินตายเพื่อไม่ให้แผ่นดินโชซอนเดือดร้อน หากมองในมุมของทีมแม่ทัพก็อาจจะเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่เลือกที่จะทิ้งชาวซอจอยาอิน แต่ถ้าหากมองในมุมของชาวซอจอยาอินก็จะมองว่า ทำไมพวกเราสมควรตายล่ะ เพราะไม่ได้รับการยอมรับ ไม่มีความสำคัญหรือเป็นชนกลุ่มน้อยงั้นหรือ ในจุดนี้เองที่สื่อถึงการถูกเอาเปรียบจากผู้มีอำนาจและการไร้ซึ่งปากเสียงของกลุ่มคนที่ถูกทิ้ง
“สิ่งที่น่ากลัวกว่าปีศาจ ก็คือพวกทหาร” พ่ออาชินได้พูดกับลูกสาวเมื่อรู้ว่าเธอแอบเข้าป่าไปหาโสม
ซึ่งก็น่าคิดดีที่ข้อความนี้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเสียเหลือเกิน โดยสถานการณ์ในเรื่องคืออาชินเข้าป่าไปหาโสมในป่า แต่ป่านั้นเป็นเขตต้องห้ามและอาจจะถูกฆ่าตายหรือโดนจับโดยทหารที่พบเห็น โดยผู้มีอำนาจได้จงใจปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องลึกลับในป่าเพื่อไม่ให้ใครบุกรุก สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ จึงไม่ใช่พวกปีศาจในข่าวลือแต่เป็นผู้มีอำนาจและทหารที่มีธนูและดาบอยู่ในมือ
ฉากประทับใจ
“ข้าไม่หงาเลย เพราะอย่างไรเราก็ได้อยู่ด้วยกัน เมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้นและข้าได้สังหารทุกสิ่งบนแผ่นดินโชซอนและหนี่ว์เจินแล้ว ข้าจะไปอยู่เคียงข้างพวกท่าน”
ฉากที่ประทับใจที่สุดในเรื่องคือฉากที่อาชินไปพบปะครอบครัว(ในร่างซอมบี้) โดยเอาอาหารไปให้และหลอกตัวเองว่าไม่เหงาเลยเพราะครอบครัวยังอยู่ครบและปิดท้ายว่าถ้าทำภารกิจเสร็จเมื่อไหร่ก็จะไปอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกว่าอาชินคงเศร้าและรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ๆ จนต้องมีที่พึ่งเป็นคนในครอบครัวในร่างซอมบี้และความทรงจำที่เคยอยู่ร่วมกันในอดีต
สิ่งที่ทิ้งท้ายไว้
ก่อนจะจบภาพยนตร์ได้ทิ้งท้ายถึงสาเหตุของเรื่อง (ก่อนเหตุการณ์ที่ลูกศิษย์หมออึซึงอีตายและถูกต้มเล้งเพราะความอดอยาก) และทิ้งท้ายการพบกันของพวกพาจอวีและอาชิน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าอาชินคิดจะเจรจาหรือรบ (แต่ถึงกับง้างธนูใส่แล้วก็ไม่น่าจะมาดี) เป็นการทิ้งท้ายแบบเปิดประเด็นที่ทำได้เจ็บแสบและค้างคามาก

สรุป
Ashin of the North อาชินแห่งเผ่าเหนือ (2021) เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของซีรีส์ KINGDOM โดยฉบับภาพยนตร์เส้นเรื่องอาจจะน้อยและการดำเนินเรื่องช้า ไม่สุดในเรื่องของอารมณ์นัก แต่ภาพยนตร์สามารถปูพื้นฐานและเนื้อเรื่องเพื่อให้เข้าใจตัวละครอาชินอย่างลึกซึ้งและรู้ถึงที่มาของซอมบี้ สำหรับแฟนซีรีส์ถือว่าพลาดไม่ได้ แต่หากใครที่ไม่ได้ติดตามฉบับซีรีส์มาก่อนก็สามารถดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างรู้เรื่องและอาจโดนตกจนต้องไปติดตามเวอร์ชันซีรีส์ โดยสามารถดูได้ที่ Netflix และใช้เวลาดูประมาณ 1 ชั่วโมง กับ 32 นาที