ผมมีโอกาสได้ดูหนังที่เขาว่าเป็นการเปิดเฟส 4 อย่างเป็นทางการของ Marvel Cinematic Universe (MCU) หลังจากที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเป็นเวลาปีกว่า กว่าเราจะได้ดู Black Widow กัน ที่ได้ดูก่อนก็เพราะยังคงมี ID ของ Disney+ ที่สหรัฐอเมริกาอยู่ แต่ของทางบ้านเราจะลงฉายทางสตรีมมิงในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้ วันนี้ก็เลยจะมารีวิว และป้ายยาเพื่อน ๆ หลายคน เรียกว่าสมควร และคุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ

Black Widow จะเล่าเรื่องในช่วงเหตุการณ์ก่อนหนัง Avengers: Infinity War และช่วงหลัง Captain America: Civil War เป็นช่วงที่ Natasha Romanoff (รับบทโดย Scarlett Johansson) จำเป็นที่จะต้องหนีความผิด จากการให้ความช่วยเหลือทีม Captain America นั่นทำให้เธอต้องพบกับอดีตที่คอยตามหลอกหลอนเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ Red Room หรือผู้ให้กำเนิด Red Room อย่าง Dreykov (รับบทโดย Ray Winstone) อีกทั้งเธอยังต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายคนใหม่อย่าง Taskmaster ผู้ที่สามารถเรียนรู้ และคัดลอกการต่อสู้ของผู้อื่น เหตุการณ์นี้ยังทำให้เธอต้องกลับมาพบเจอกับบุคคลที่เปรียบเสมือนครอบครัวของเธอ ได้แก่ Yelena Belova (รับบทโดย Florence Pugh), Alexei หรือ Red Guardian (รับบทโดย David Harbour) และ Melina (รับบทโดย Rachel Weisz) เหตุการณ์ในครั้งนี้พาเธอไปเจอกับอะไร และเรื่องราวแบบไหน รอดูกันได้หน่อย Black Widow

Black Widow เปรียบเสมือนหนังที่เป็นบทส่งท้ายของตัวละคร Natasha Romanoff ที่เธออยู่กับเรามาก 10 กว่าปี ดังนั้น เนื้อหาในหนังภาคนี้จึงค่อนข้างจะครอบคลุมทั้งหมด ปริศนาต่าง ๆ ที่มีการเกริ่นไว้ตั้งแต่หลายปีที่แล้ว ในหนัง Black Widow นี้เราได้รับรู้ถึงเหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เรื่องราวก่อนที่เธอจะมาเป็นเธอในทุกวันนี้ หรือแม้แต่เหตุการณ์อันเลื่องชื่อ ที่หลายตัวละครได้มีการพูดถึงอยู่หลายต่อหลายครั้ง อย่างเหตุการณ์ใน Budapest หนังเรื่อง Black Widow นี้ก็ได้มีการกล่าวถึงเหตุการณ์เหล่านั้นทั้งหมด ใน Black Widow นี้ เป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เล่าย้อนอดีต ไม่ใช่หนังภาคต่อเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหนังที่มีการเล่าย้อนอดีตนั้นทำออกมาให้สนุกค่อนข้างยาก แต่ Black Widow ทำได้ และทำออกมาโดยมีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน หากจะให้จัดประเภทของ Black Widow น่าจะจัดให้อยู่ในประเภทเดียวกับหนังแอ็กชันหลายเรื่องของ MCU อย่างเช่น Captain America หรือซีรี่ส์ที่กำลังจะเข้าฉายทาง Disney+ อย่าง Hawkeye แต่ถึงอย่างนั้น คุณจะไม่ได้พบเจออารมณ์แบบนี้ในหนังเรื่องอื่นของ MCU อย่างแน่นอน

ในเรื่องของการดำเนินเรื่องของ Black Widow นั้น เป็นหนังที่ค่อนข้างมีเรื่องราวที่หลากหลาย ช่วงหลังมานี้ผมไม่ได้ดูหนังที่มีความยาวมากนักมานานพอสมควร Black Widow มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ แต่กลับมีเรื่องราวอยู่ตลอด โดยที่ไม่ทิ้งให้เราเคว้ง หรือปล่อยความว่างเปล่าเอาไว้ให้คนดู ในส่วนของเรื่องราวที่เป็นแอ็กชัน เราคิดว่ามันสุดแล้ว มันยังมีแอ็กชันที่เหนือแอ็กชันไปอีก เรื่องราวที่ซ้อนทับเรื่องราวไปอีก นั่นทำให้ Black Widow มีมิติมาก และเช่นเคยตามสไตล์หนัง Marvel ยังได้มีการสอดแทรกมุขตลก ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำชาติ MCU ไปแล้ว แต่ด้วยโทนหนังที่ค่อนข้างจริงจัง ทำให้มีมุขน้อย แต่โดนทุกครั้ง แล้วยังมีฉากซึ้งเรียกน้ำตาให้ได้ดูกันใน Black Widow ด้วย

หากจะกล่าวถึงตัวละครสักตัว ตัวละครนี้เป็นตัวละครโปรดของผมใน Black Widow เลย นั่นคือ Yelena Belova ตัวละครของ Florence Pugh ที่มีข่าวลือมาก่อนหน้านี้อยู่มาก ว่าเธอจะมาเป็น Black Widow คนใหม่บ้างแหละ จะมาเข้าร่วมทีม Avengers บ้างแหละ บทบาทของเธอใน MCU จะมีต่อหรือไม่ ผมขอไม่ Spoil แต่อย่างใด ก็อยากจะพาไปรู้จักถึงตัวละครตัวนี้ เนื่องจากเป็นน้องคนเล็กในครอบครัวนี้ เธอมีความน่ารักอยู่ในตัว แม้เธอจะเป็นนักฆ่าเหมือนพี่สาวของเธอ แต่เธอก็ยังมีความบริสุทธิ์ และอ่อนต่อโลกอยู่ในที นั่นทำให้เรื่องราวของเธอใน Black Widow น่าสนใจ (และเรื่องราวต่อจากนี้?) การปะทะฝีปากของเธอกับพี่สาวของเธอก็ดูน่ารักดี ไม่ว่าอย่างไรอยากให้ไปดูกันเอ็งครับ

(Spoil มีการพูดถึงเรื่องราวต่อจากนี้ใน MCU) เรียกว่าค่อนข้างน่าสนใจ กับบทบาทของเธอที่จะมีต่อใน MCU นี้ และตัวละครลับที่จะมาปรากฏในช่วงท้ายเครดิตของ Black Widow นั่นยิ่งทำให้แนวทางของ Black Widowชัดเจนกว่าเดิม ว่าสามารถจะไปในเส้นทางไหน เรียกว่าน่าสนใจ และตกใจมาก ไม่อยากให้ทุกคนพลาดกับช่วงท้ายเครดิตนี้ครับ

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าแฟน ๆ ของ Marvel หลายคนไม่น่าพลาดเรื่องราวของ Black Widow อยู่แล้ว ดังนั้นที่อยากจะฝากไว้ก็คือ หากคุณได้มีโอกาสดู Black Widow แล้ว อย่าได้ทำการ Spoil เด็ดขาด เพราะมันจะสูญเสียอรรถรสในการรับชมของผู้อื่น และอยากให้ไปสัมผัสเอง ถึงจะเป็นที่ค่อนข้างน่าเสียดาย ที่โรงหนังในบ้านเรายังไม่อนุญาตให้ฉายหนัง Black Widow ดูเหมือนว่าจะถูกถอดออกจากโปรแกรมฉายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ยังสามารถดูได้ทาง Disney+ ถึงจะได้อรรถรสได้ไม่เต็มที่เหมือนกับการดูในโรงหนัง แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถึงยังไงก็รอดูกันได้นะครับ