โรคทางผิวหนังมีมากมายหลากหลายโรค ซึ่งบางชนิดเกิดจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการติดจากเชื้อไวรัส หรือจากเชื้อรา ก็ทำให้ผิวหนังเกิดอาการคัน แพ้ ระคายเคือง เกิดเป็นผื่นแดง เป็นตุ่มน้ำ ได้ทั้งนั้น สามารถเป็นกันได้ทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจโรคชนิดนี้ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้รู้วิธีป้องกันและรักษาอย่างถูกต้อง เรามาทำความรู้จักกับโรคทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อกันดีกว่า
โรคอีสุกอีใส
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ทางอากาศ ผ่านทางน้ำลายและน้ำมูก หรือจากการสัมผัสแผลอีสุกอีใสโดยตรง หรือการใช้ของร่วมกับผู้ป่วย อาการที่แสดงออกคือ จะเริ่มป่วยเมื่อยตามตัว ปวดหัว เป็นไข้ เบื่ออาหาร มีตุ่มน้ำใส ๆ ขึ้นตามผิวหนัง ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยหนุ่มสาว อาจมีเกิดในวัยผู้ใหญ่ได้บ้าง แต่อาการจะรุนแรงกว่า และอาจมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ สามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน
โรคงูสวัด
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคอีสุกอีใส เมื่อติดเชื้อครั้งแรกจะเป็นโรคอีสุกอีใส เมื่อหายแล้วเชื้อจะอยู่ในร่างกายตลอดไป หลบอยู่ตามปมประสาท และเชื้อจะกลายเป็นโรคงูสวัดอีกครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ ขาดการพักผ่อน หรือมีภาวะเครียด อาการของโรคคือมักปวดเมื่อยตามตัว อาจมีไข้หรือไม่มีก็ได้ รู้สึกปวดแสบปวดร้อน มีตุ่มน้ำใส ๆ ขึ้นบริเวณผิวหนังเป็นกระจุก และมีปื้นแดงอยู่บริเวณนั้นด้วย การรักษาแพทย์จะจ่ายยาต้านไวรัสให้รับประทาน เพื่อลดความรุนแรงที่เกิดจากโรค หากอาการรุนแรงอาจต้องฉีดยาต้านไวรัสเข้าทางหลอดเลือดดำ และหากงูสวัดขึ้นตา ต้องไปพบแพทย์เพื่อรับยากินและยาหยอดตา เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนทางตา

โรคหัดเยอรมัน
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ อาการของโรคคือจะมีไข้ต่ำ ๆ ปวดเมื่อย มีผื่นแดงขึ้นที่ใบหน้าและตามร่างกายอาจมีอาการคันร่วมด้วยบางรายอาจมีอาการหอบและหายใจเร็ว ซึ่งจะต้องพาไปพบแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ หากเกิดขึ้นกับสตรีมีครรภ์ ทารกอาจจะพิการได้ส่วนใหญ่ผื่นจะหายไปเองภายใน 3 วัน โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้
โรคหูด
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นกัน ทำให้ผิวหนังเป็นตุ่มหนา ติดต่อกันได้ง่ายบริเวณที่มีแผลหรือผิวหนังบอบบาง สามารถเกิดได้ทุกบริเวณในผิวหนังของร่างกาย บริเวณที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดคือมือกับเท้า แต่ไม่ควรแกะหูดออกเอง เพราะอาจลามไปเกิดบริเวณอื่น ๆ ต่อ ส่วนใหญ่จะหายได้เอง หรืออาจรักษาด้วยการขูดหรือสะกิดออกโดยแพทย์ การจี้โดยใช้ความเย็น และการจี้ด้วยไฟฟ้า
โรคเริม
เกิดจากเชื้อไวรัสอีกเช่นกัน คนที่เป็นโรคมักจะมีตุ่มน้ำขนาดเล็กขึ้นบริเวณเนื้ออ่อน เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ เป็นต้น มักกลับมาเป็นซ้ำได้อีกบ่อย ๆ อาจมีอาการปวดเมื่อยและเป็นไข้ร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่เพียงพอ มีภาวะเครียด หากอาการรุนแรงแพทย์อาจจะให้ยาทาหรือยากิน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล มีอาการแทรกซ้อน แพทย์อาจสั่งให้ยาผ่านทางหลอดเลือดดำ

โรคกลาก
เกิดจากเชื้อราบนผิวหนัง สามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางการสัมผัส จึงควรแยกสิ่งของส่วนตัว ไม่ใช่สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หรืออาจติดเชื้อมาจากการเล่นกับสัตว์ หรือการเดินเท้าเปล่าบนดิน มีลักษณะเป็นวงนูนแดง มีขอบเขตชัดเจน มีลักษณะเป็นขุย ๆ ขึ้นอยู่ตามผิวหนัง หรือบางรายอาจขึ้นเป็นตุ่มน้ำ พบได้ตามทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะศีรษะ เล็บ คอ แขน ขา รักษาด้วยยาทาติดต่อกันทุกวันประมาณ 3-4 สัปดาห์ หรือหากบางรายหายช้า แพทย์อาจจ่ายยาฆ่าเชื้อชนิดรับประทานให้กับผู้ป่วย
โรคเกลื้อน
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราอีกเช่นกัน เป็นโรคที่ไม่สามารถติดต่อระหว่างคนได้ มีลักษณะเป็นผื่นขึ้นเป็นดวง ๆ เป็นปื้น หรือเป็นขุย ๆ ขึ้นตามบริเวณผิวหนัง มีหลายสีได้แก่ สีขาว สีชมพู สีแดง สีน้ำตาล อาจจะรู้สึกคัน และมีอาการผิวแห้งตามมา มักเกิดขึ้นบริเวณที่มีความอับชื้น หรือบริเวณที่มีความมัน เช่น ซอกคอ หน้าอก แผ่นหลัง แขนท่อนบน จึงควรใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ควรไปพบแพทย์เพื่อรักการรักษา และรับยาทาฆ่าเชื้อรา ไม่ควรซื้อยามาทาเอง เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้

แม้ว่าโรคทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อจะมีมากมายหลากหลายโรค แต่สาเหตุโดยส่วนใหญ่นั้นเกิดมาจากการที่ร่างกายอ่อนแอ มีภูมิคุ้มกันต่ำ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ มีภาวะเครียด และรักษาความสะอาดไม่ถูกต้องนั่นเอง ดังนั้นหากเราดูแลรักษาร่างกายให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย รักษาความสะอาดของร่างกายอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเหล่านี้อย่างแน่นอน