โดยปกติร่างกายของคนเราประกอบด้วยของเหลว 60-70% หรือ 2 ใน 3 ของร่างกายเราประกอบไปด้วยน้ำนั่นเอง นอกจากนั้นน้ำยังเป็นส่วนประกอบหลักของเลือดถึง 90% อีกด้วย และน้ำยังเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ในร่างกายแทบทุกส่วน น้ำจึงมีส่วนสำคัญต่อร่างกายของเราอย่างมาก หากขาดน้ำไม่เกิน 3 วัน ร่างกายจะก็ทนไม่ไหวและไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ดังนั้นการดื่มน้ำเปล่าจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกในการดูแลสุขภาพร่างกายของเรานั่นเอง
ประโยชน์ของการดื่มน้ำ
- ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ไม่แห้งตึง ดูมีน้ำมีนวล สุขภาพผิวดี ชะลอและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้
- ช่วยให้ตาไม่แห้ง แววตาสดใส มีชีวิตชีวา เพราะมีน้ำมาหล่อเลี้ยงดวงตา ป้องกันอาการแสบตาได้
- ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการละลายอาหารที่ย่อยแล้วให้สามารถดูดซึมผ่านทางลำไส้เล็ก เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด และไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้
- ช่วยส่งเสริมระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย
- ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ท้องไม่ผูก ช่วยขับของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
- ช่วยลดปัญหากลิ่นตัว กลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจสดชื่น แก้ปัญหาร้อนใน ลดปัญหาฟันผุ
- ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรนได้
- ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก หากดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารเป็นเวลา 30 นาที อย่างน้อยครึ่งถึง 1 แก้ว ก็จะช่วยทำให้อิ่มเร็ว ไม่กินจุกกินจิก หรือกินเยอะจนเกินไป
- ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ได้แก่ ช่วยในการไหลเวียนโลหิตของเลือด ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยในการทำงานของหัวใจ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

ดื่มน้ำแค่ไหนดี
โดยปกติคนเราควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยประมาณวันละ 2-3 ลิตรต่อวัน ซึ่งไม่ควรน้อยหรือมากไปกว่านั้น เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ถ้าจะให้คำนวณปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวันอย่างถูกต้องแล้วละก็ เรามีสูตรคำนวณมาแจกกันดังนี้ คือ น้ำหนักตัวของเรา x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการ (หน่วยเป็นมิลลิลิตรต่อวัน) ยกตัวอย่างเช่น เรามีน้ำหนักตัว 50 กก. x 2.2 x 30/2 = 1,650 มิลลิลิตร ต่อ 1 วัน หรือประมาณ 6-7 แก้วต่อวันนั่นเอง ( 1 แก้ว = 250 มล.)
ดื่มน้ำตอนไหนดี
แก้วที่ 1 : เริ่มดื่มน้ำแก้วแรกสุดของวันหลังตื่นนอนทันที เพราะหลังจากเรานอนหลับ ร่างกายไม่ได้รับน้ำติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ทำให้เลือดในร่างกายข้น ช่วงเช้าจึงเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการน้ำมากที่สุด อีกทั้งการดื่มน้ำในตอนเช้าหลังตื่นนอน ยังกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
แก้วที่ 2 : ดื่มก่อนอาหารมื้อเช้าประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ปริมาณ 1 แก้ว โดยค่อย ๆ จิบไปเรื่อย ๆ จนหมดแก้ว
แก้วที่ 3 : ดื่มหลังอาหารเช้าประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงเวลา 9.00-11.00น. เพราะช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัวและทำงานอย่างเต็มที่ จึงมีของเสียเกิดขึ้นในร่างกาย การดื่มน้ำจะเป็นการช่วยขับของเสียเหล่านั้นออกไปนั่นเอง
แก้วที่ 4 : ดื่มก่อนอาหารมื้อเที่ยงประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารเช่นกัน โดยการจิบไปเรื่อย ๆ
แก้วที่ 5 : ดื่มหลังอาหารเที่ยงประมาณ 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลาบ่าย 13.00-16.00น. โดยใช้การจิบอีกเช่นกัน ซึ่งจะช่วยดับกระหาย แก้หิว และทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่ขาดน้ำ
แก้วที่ 6 : ดื่มก่อนรับประทานอาหารเย็นประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารเช่นเดิม และช่วยส่งเสริมให้ลำไส้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
แก้วที่ 7 : ดื่มหลังรับประทานอาหารมื้อเย็นประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และทำให้ร่างกายไม่อ่อนเพลียจนเกินไป ช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00-20.00น.
แก้วที่ 8 : ดื่มน้ำแก้วสุดท้ายก่อนนอน เพื่อให้น้ำชำระล้างของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้และกระเพาะอาหาร ซึ่งไม่ควรดื่มเกินเที่ยงคืน

ข้อแนะนำในการดื่มน้ำ
- หากเปลี่ยนมาเป็นดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอนตอนเช้า จะช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น และช่วยขับของเสียออกจากลำไส้ให้สะอาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- ไม่ควรดื่มน้ำปริมาณมากก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ เพราะจะทำให้ย่อยยาก เนื่องจากมีน้ำในกระเพาะอาหารเยอะเกินไป ทำให้น้ำย่อยเจือจาง ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าปกติ หรือการเกิดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อได้
- ไม่ควรดื่มน้ำติดต่อกัน 2-3 แก้ว ในทันที เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการจุกเสียด แน่นท้อง หรืออาจทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้
- หากเปลี่ยนมาดื่มน้ำอุ่นก่อนนอน ก็จะช่วยทำให้หลับง่ายหลับสบายยิ่งขึ้น และยังส่งผลต่อดีต่อการขับถ่ายในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย
- น้ำ 1 แก้ว คือปริมาณ 250 มล. หรือเท่ากับนม 1 กล่อง โดยในการดื่มแต่ละครั้ง ไม่ควรดื่มหมดรวดเดียวในทันที ควรจะแบ่งเป็นอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ก็จะส่งผลดีต่อร่างกาย
- การดื่มน้ำที่ดีควรเป็นน้ำเปล่า ซึ่งจะถือว่านับเป็น 1 แก้ว น้ำผลไม้สำเร็จรูปเข้มข้น ชา กาแฟ โกโก้ หรือน้ำเย็นจัด แม้ว่าจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นก็จริง แต่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพและร่างกายของเรา เพราะจะไปทำให้เลือดข้น อีกทั้งยังทำให้ไขมันจับตัวกันเป็นก้อนอีกด้วย ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของระบบย่อยอาหารนั่นเอง
แม้ว่าการดื่มน้ำในชีวิตประจำวันจะดูเป็นเรื่องทั่วไป แต่หากคุณไม่ใส่ใจและละเลย ไม่ดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอต่อวัน หรือดื่มน้ำไม่ถูกวิธี ก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำของตนเองและคนรอบข้างในแต่ละวันด้วย ก็จะเป็นตัวช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงได้เช่นกัน