ในปัจจุบันโลกของคนทำงานในบริษัท รัฐวิสาหกิจ หรือข้าราชการ ก็มักจะนั่งทำงานหน้าโต๊ะหรือหน้าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ขาดการเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย พอหลังจากทำงานเสร็จ กลับมาบ้านก็เหนื่อยกับการเดินทางและภารกิจในแต่ละวัน หลายคนหมดแรง คิดว่าแค่ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วนอนก็เพียงพอแล้ว คือ อาบน้ำ กินข้าว ดูทีวี เล่นมือถือ และเข้านอน แต่หารู้ไม่ว่ากิจวัตรที่ทำเป็นประจำทุกวันเหล่านี้ จะค่อย ๆ ทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราทางอ้อมไปทีละนิด เหตุอันเนื่องมาจากเราขาดการออกกำลังกายนั่นเอง ซึ่งผลเสียจากการไม่ออกกำลังกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานานนั้น มีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ
ร่างกายไม่แข็งแรง
แน่นอนว่าเมื่อเราไม่ได้ออกกำลังกายนาน ๆ ร่างกายก็จะไม่แข็งแรง หากเกิดเหตุจำเป็นต้องยกของหนัก หรือใช้แรงขึ้นมา เราก็จะไม่สามารถทำได้ หรืออาจจะทำได้ไม่ดี ทั้งยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย เช่น หากคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนล้ออะไหล่เอง ในระหว่างเดินทางไกล แต่คุณไม่ได้ออกกำลังกายเลย แรงที่จะขันนอตก็แทบไม่มี คุณอาจจะต้องรอจนกว่าจะมีใครมาช่วยเหลือคุณ ซึ่งอาจเสียเวลาในการเดินทางไปหลายชั่วโมงก็เป็นได้ และอาจทำให้คุณรู้สึกปวดกล้ามเนื้อมากในวันถัดไป
อ่อนเพลียได้ง่าย
อีกหนึ่งผลเสียต่อร่างกายเมื่อเราไม่ได้ออกกำลังกายนั้นก็คือ คุณจะรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีแรง และอ่อนเพลียได้ง่าย เนื่องจากร่างกายเคยชินกับการที่ไม่ต้องเคลื่อนไหว และไม่สามารถดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ รวมทั้งสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ร่างกายจึงเกิดความอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรงในการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ รู้สึกอ่อนเพลียจนต้องนอนพักผ่อนอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง
แก่มากกว่าอายุจริง
สำหรับคนวัยทำงาน อาจจะไม่เคยไปตรวจวัดเซลล์อายุในร่างกาย ซึ่งหลายคนมีเซลล์อายุแก่กว่าอายุจริงหลายปี ซึ่งร่างกายอาจจะแสดงออกมาทางผิวหนัง รูปร่างภายนอก คือ ผิวโทรม แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ถึงแม้ว่าจะบำรุงจากภายนอกมากเท่าไหร่ แต่กลับได้ผลเพียงน้อยนิดเท่านั้น และบางคนอาจจะน้ำหนักเกิน หรือน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานก็เป็นไปได้เช่นกัน

ไขมันสะสม
แน่นอนว่าหากเราไม่ออกกำลังกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ร่างกายก็จะไม่มีการเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรี่เท่าที่ควร ทำให้ไขมันส่วนเกินสะสมตามร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักเกิน และอาจเป็นโรคอ้วน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ป่วยเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย ยิ่งหากเราชอบรับประทานอาหารมัน อาหารทอด หรือของหวานด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ไขมันสะสมตามร่างกายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
กล้ามเนื้อลีบ
เมื่อไม่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อก็ไม่ได้ถูกใช้งาน ร่างกายจะเข้าใจว่า กล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ ที่เราไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เป็นสิ่งไม่จำเป็นอีกต่อไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบลง ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อเรามีอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป มวลกล้ามเนื้อก็จะลดลงตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยลดลงประมาณ 6-10% ทุก ๆ 10 ปี ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แบบคูณสอง ดังนั้นเราควรที่จะหันมาออกกำลังกายกัน เพื่อรักษาไม่ให้มวลกล้ามเนื้อลดลงไปมากกว่าเดิม
มวลกระดูกจะลดลง
นอกจากมวลกล้ามเนื้อจะลดลงแล้ว มวลกระดูกก็จะลดลงด้วยอีกต่างหาก เพราะหากขาดการออกกำลังกาย ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง รวมทั้งเมื่อเรามีอายุมากขึ้น มวลแคลเซียมในร่างกายก็จะลดลงตามธรรมชาติอยู่แล้วด้วย ดังนั้นคนที่ไม่ออกกำลังกาย และขาดการใส่ใจในการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็อาจเกิดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสื่อม หรือกระดูกเปราะหักได้ง่ายนั่นเอง

เสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ ได้
เมื่อเราไม่ได้ออกกำลังกายนาน ๆ เข้า ร่างกายของเราก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ อาทิเช่น โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคเกี่ยวกับกระดูกเสื่อม โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โรคเกี่ยวกับลำไส้ เป็นต้น ซึ่งในหนึ่งคนนั้นสามารถป่วยได้ถึง 10 โรคกว่าด้วยกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาร่างกายของแต่ละบุคคลนั่นเอง
อารมณ์ไม่ค่อยดี
นอกจากการไม่ออกกำลังกายจะส่งผลต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจอีกด้วย เพราะร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กัน โดยอาจส่งผลทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดี โมโหร้าย หงุดหงิดง่าย หรือป่วยเป็นโรคเครียด หรือโรคทางระบบประสาท เพราะการออกกำลังกาย จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุขนั่นเอง
เห็นไหมคะว่าการไม่ออกกำลังกายนั้น มีผลเสียต่อทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรจัดเวลาสำหรับการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ โดยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วัน ครั้งละประมาณ 30 นาที แต่หากใครที่แทบไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเลย ก็จะไม่มีแรง และอาจทำให้เหนื่อยได้ง่าย จึงสามารถเริ่มจากการออกกำลังกายสั้น ๆ ประมาณ 10 นาทีก่อนก็ได้ หลังจากนั้นค่อยเพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ เป็น 15 นาที 20 นาที 30 นาที เพียงเท่านี้คุณก็จะกลับมามีร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แจ่มใสได้มากขึ้นแล้วค่ะ