วิธีแก้ปัญหาท้องผูก ทำอย่างไร?

ท้องผูก ทำไงดี

ในยุคสมัยที่อะไรต่างก็ดูรวดเร็วไปหมด ไม่ว่าจะไปทำงานตอนเช้าไม่ทัน ไปโรงเรียนสาย หรือต้องรีบไปที่ไหนสักแห่ง เพราะอาจจะเสียโอกาสดี ๆ ไป หรืออาจจะทำผิดกฎของสถานที่บางแห่ง ทำให้ชีวิตเราต้องเร่งรีบอยู่เสมอ จนเราลืมใส่ใจและดูแลสุขภาพของตัวเอง รวมทั้งการขับถ่ายด้วย ซึ่งโดยปกติคนเรามักจะขับถ่ายทุกเช้าหลังตื่นนอน แต่สำหรับคนที่มีชีวิตเร่งรีบอยู่เป็นประจำ การขับถ่ายที่ดูเป็นปกตินั้น ก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกต่อไป ทำให้เราประสบกับปัญหาท้องผูก ถ่ายยากอยู่บ่อยครั้งแทน และยังส่งผลต่อร่างกายให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย บทความนี้จึงได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาไม่ให้ท้องผูกมาฝากกันค่ะ

เพิ่มกากใยอาหาร

เราสามารถเพิ่มกากใยอาหารให้มากขึ้นด้วยการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งจะมีกากใยอาหารหรือไฟเบอร์อยู่ ทำให้อุจจาระสามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น เพิ่มมวลอุจจาระให้ถ่ายง่ายขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังช่วยกวาดสิ่งสกปรกตกค้างในลำไส้ ให้ออกไปจากร่างกายอีกด้วย โดยปกติคนเราควรได้รับกากใยอาหารปริมาณ 25-30 กรัมต่อวัน ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นก็ควรรับประทานผักและผลไม้ให้ครบทั้ง 5 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลืองหรือสีส้ม สีแดง สีม่วง และสีขาว เช่น มะเขือเทศ มะละกอ แคร์รอต คะน้า เผือก เงาะ เป็นต้น ถึงจะช่วยในการขับถ่าย และได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

ดื่มน้ำให้มากขึ้น

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการทำงานของร่างกาย เราจึงควรที่จะต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน การดื่มน้ำจะช่วยให้กากใยอาหารดูดซึมน้ำได้ดี ทำให้อุจจาระนุ่ม พองตัวขึ้น ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้ทำงานได้เป็นปกติ และยังช่วยป้องกันอาการท้องอืด จากการรับประทานกากใยอาหารมากเกินไปอีกด้วย โดยคนเราควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 2-3 ลิตรนั่นเอง จึงจะเพียงพอต่อที่ร่างกายต้องการ

ออกกำลังกายอยู่เสมอ

การออกกำลังกาย ขยับเขยื้อนร่างกายก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉงและแข็งแรงขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ลำไส้มีการบีบตัว ช่วยส่งเสริมในการขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยคนเราควรออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-5 วัน และควรออกครั้งละเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไปค่ะ

เปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย

โดยเราควรขับถ่ายให้เป็นเวลา ช่วงประมาณตี 5 ถึง 7 โมงเช้า จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การขับถ่ายมากที่สุด เพราะลำไส้มีการบีบตัว เพื่อขับถ่ายของเสียออกไปจากร่างกาย เราจึงไม่ควรนอนตื่นสาย แม้จะอยู่ในช่วงวันหยุดก็ตาม เพราะถ้าเลยเวลานี้ไปแล้ว อาจจะทำให้ขับถ่ายได้ยากและลำบาก หรืออาจจะขับถ่ายไม่สุด อุจจาระยังตกค้างอยู่ภายในลำไส้นั่นเอง

เพิ่มอาหารที่มีโปรไบโอติก

โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลของลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดไม่ดีให้ออกไปจากร่างกาย ทำให้ลำไส้แข็งแรง ซึ่งอาหารที่มีโปรไบโอติกสูงมักจะได้แก่ โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว โดยจะไปช่วยเพิ่มโปรไบโอติกให้แก่ลำไส้ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

ใช้ยาระบาย

สำหรับใครที่ลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ก็ยังท้องผูก ถ่ายยากอยู่เหมือนเดิม คงต้องใช้ตัวช่วยอย่างยาระบายมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้แทน ซึ่งมีหลากหลายชนิดด้วยกัน มีทั้งยาน้ำ ยาเม็ด ยาสอด ซึ่งออกฤทธิ์และมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป โดยบางตัวอาจจะช่วยดูดน้ำในร่างกายให้ไปหล่อเลี้ยงอุจจาระให้มากขึ้น หรือบางตัวอาจจะมีส่วนผสมของแป้ง ที่ไปช่วยเพิ่มมวลอุจจาระให้มากขึ้น หรือบางตัวก็อาจจะไปช่วยหล่อลื่นอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น ส่งผลให้ขับถ่ายง่ายขึ้นนั่นเอง

หากใครที่ใช้ยาระบายแล้วมีการขับถ่ายที่ดีขึ้น ก็ควรจะพยายามค่อย ๆ ลดหรือเลิกใช้ และหันไปหาวิธีที่เป็นธรรมชาติแทน ก็จะดีต่อร่างกายมากกว่าค่ะ เพราะยาระบายเมื่อใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกินไป จะทำให้ลำไส้เคยชิน หากไม่ได้รับยาระบาย ลำไส้ก็จะไม่บีบตัว ส่งผลให้ไม่ขับถ่ายนั่นเอง ดังนั้นจึงควรใช้ทั้งยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตควบคู่กันไปก็จะดีต่อตัวเรามากที่สุดค่ะ